ชิ้นส่วนในรถยนต์ล้วนมีความสำคัญแตกต่างกันไป ยิ่งใช้ไปนานๆชิ้นส่วนเหล่านั้นก็จะยิ่งเสื่อมไม่เว้นแม้แต่โช๊คอัพ ซึ่งเราคงต้องไปถามราคา โช๊ ค อั พจากร้านได้เลย หากเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนเองแต่ถ้าไม่ได้ก็ให้อู่ซ่อมจัดการให้เลย
สำหรับมีปัญหาที่เห็นได้ชัด คือ
- ดอกยางสึกไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ก็มั่นใจว่าได้ตั้งศูนย์ถ่วงล้อมาอย่างดีแล้ว ทางที่ดีให้ตรวจดูหน้ายางรถยนต์ หากดอกยางสึกผิดปกติ สึกไม่สม่ำเสมอ เป็นบั้ง แบบนี้แสดงว่าโช๊คอัพมีปัญหาแน่นอน
- รถร่อน หากเราขับรถมาด้วยความเร็ว แล้วรถเกิดเสียการทรงตัว ร่อนไปร่อนมา เนื่องจากมีแรงลมปะทะ อันนี้สันนิฐานได้ว่าสาเหตุเกิดจากโช๊คอัพอันใดต้องทำงานผิดปกติ จึงไม่สัมพันธ์กับกระบอกอื่น
- ภายในห้องโดยสารสั่นสะเทือนผิดปกติ เมื่อเราขับรถผ่านเนิน ลูกระนาด หรือคอสะพาน ถ้ารถมีอาการกระเด้งกระดอนขึ้นลง สั่นๆ หรือแข็งกระด้างไม่นิ่มนวล นี่ก็น่าจะโช๊คมีปัญหา
- รถเกิดอาการโคลงเคลงผิดปกติ เมื่อจอดรถซักพักแล้วขับรถออกตัวมาด้วยความเร็วปกติ หน้ารถกลับเชิดขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งในขณะที่ขับรถมาด้วยความเร็วต่ำแล้วเบรก หน้ารถเรากลับทิ่มลงไปมาก ก็น่าจะเกิดจากโช๊คอัพเริ่มเสื่อมสภาพแล้วเช่นกัน
- เมื่อสังเกตดูเห็นว่าโช๊คอัพเบี้ยว หรือผิดรูปทรง ให้เช็กดูที่ตัวโช๊คอัพอีกที ว่ามีความผิดปกติ บิดเบี้ยวของกระบอกโช๊ค แกนโช๊คหรือไม่
- ลองทดสอบการคืนตัวของโช๊คอัพ ใด้วยการออกแรงกดรถยนต์ที่ฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย โดยออกแรงกดจนรถจมลงแล้วปล่อย จากนั้นสังเกตดูว่ารถมีการเด้งขึ้นลงหลายครั้งหรือไม่ หากมีการเด้งแบบนี้ แปลว่าโช๊คอัพมีปัญหา แต่ถ้ากดลงไปแล้ว รถคืนตัวทันทีโดยไม่มีอาการเด้งขึ้นลง ก็แสดงว่า โช๊คอัพยังดีอยู่
- สังเกตดูว่ามีรอยน้ำมันรั่วจากกระบอกโช๊คอัพหรือไม่ ให้ตรวจดูตรงซีลของโช๊คอัพ หากมีรอยน้ำมันรั่ว หรือน้ำมันซึมออกมา แสดงว่าโช๊คอัพของเราเสื่อมสภาพแล้ว อาการเหล่านี้ล้วนบ่งบอกว่าต้องทำการเปลี่ยนโช๊คอัพได้แล้ว..
- ไม่มีความร้อนจากโช๊คอัพหลังการใช้งาน ให้ตรวจสอบดูทันทีหลังจากใช้งานปกติ โดยใช้มือสัมผัสที่โช๊คอัพว่ามีความร้อนหรือไม่ หากมีความร้อนแปลว่าโช๊คอัพปกติดี แต่ถ้าสัมผัสแล้วไม่มีความร้อน แสดงว่าโช๊คอัพเสื่อมสภาพ
หากรถของคุณเกิดอาการตามที่กล่าวมานี้ อย่าชะล่าใจ ให้รีบนำรถไปเข้าอู่ เข้าศูนย์ ตรวจเช็กโช๊คอัพ ซ่อมแซมแก้ไข หรือเปลี่ยนใหม่ไปเลยก็ได้ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของตัวเราเอง และผู้ร่วมทางคนอื่นๆ