CEO ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจแบงก์ “SCB ไม่เท่ากับ SCB”

CEO ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจแบงก์ “SCB ไม่เท่ากับ SCB”
CEO ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจแบงก์ “SCB ไม่เท่ากับ SCB”
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

CEO แบงก์ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจครั้งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “SCBไม่เท่ากับSCB” แกะรอยวิสัยทัศน์ก้าวสู่ “เทคคอมปะนี” ภายใน 3-5 ปี ส่วนจะมีการเปลี่ยนเแปลงอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมกับ masii กันเลยค่ะ

CEO ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจแบงก์ “SCB ไม่เท่ากับ SCB”

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ซีอีโอธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ได้แถลงข่าวใหญ่เมื่อวันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธนาคาร ภายใต้หัวข้อ SCB ≠ SCB (SCB ไม่เท่ากับ SCB ) โดยประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ โดยจะจัดตั้งบริษัท SCBX (เอสซีบี เอ็กซ์) ขึ้นมาเป็นหัวหอกการลงทุน ทลายขีดจำกัดความเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนธนาคารไทยพาณิชย์เดิม และภายใต้ SCBX จะประกอบไปด้วยบริษัทย่อย ๆ อีกราว 15 บริษัท ลุยทำธุรกิจหลากหลายด้าน ทั้งนี้ จะต้องมีการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการดำเนินการปรับโครงสร้างทั้งหมดนี้อีกที

ดัน SCBX เรือธงใหม่สู่เทคคอมปะนี

การจัดตั้งบริษัท “SCBX” หรือ “ยานแม่” ขึ้นมา เพื่อเป็นบริษัทใหญ่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน โดยดำเนินธุรกิจในลักษณะ “บริษัทลงทุน” ที่ไม่ได้ทำธุรกิจของตนเอง (Non-operating holding company) โดยจะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทอื่น และพาให้ SCB ก้าวสู่โลกใหม่ที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่ที่ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอีกต่อไป

CEO ไทยพาณิชย์ ประกาศยกเครื่องธุรกิจแบงก์ “SCB ไม่เท่ากับ SCB”
Cr. posttoday.com

เดิมพันครั้งสำคัญลุ้น “ผู้ถือหุ้น” อนุมัติ พ.ย.นี้

ทั้งนี้ การจัดตั้ง “SCBX” จะต้องขออนุมัติจากผู้กำกับดูแล หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งได้มีการพูดคุยกันในหลักการแล้ว แต่จะต้องมีการอนุมัติอีกครั้ง รวมถึงการขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นในการอนุมัติ ซึ่งจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในเดือน พ.ย.นี้

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง จะเป็นไปตามที่บอร์ดมีมติเห็นชอบ 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่
1.เสนอการจัดตั้งบริษัทใหม่ “SCBX” ซึ่งจะเป็นบริษัทแม่ ที่ไม่ใช่ ธนาคาร
2.ขอมติผู้ถือหุ้นในการทำโอนแลกหุ้น (Share Swap) โดย “SCBX” จะทำคำเสนอซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้นของธนาคาร เพื่อให้ผู้ถือหุ้นธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นเรือธง “SCBX”
3.การนำ “SCBX” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนหลักทรัพย์ของธนาคาร โดยจะนำ “SCBX” เข้าเทรดแทน
4.เสนอผู้ถือหุ้นธนาคารจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับ “SCBX” วงเงิน 7 หมื่นล้านบาท โดยประมาณ 70% จะใช้ในการโอนธุรกิจบริษัทย่อย การจัดตั้งบริษัทใหม่ และเป็นเงินลงทุนต่อเนื่องสำหรับ “SCBX” ในการหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคตระยะถัดไป และที่เหลืออีกราว 30% จะเป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) และเงินปันผล (Dividend) ภายในกลางปี 2565

แยก 2 โครงสร้างธุรกิจหลักปั้นกำไร

โดยโครงสร้างหลังจากนี้ภายใต้ SCBX จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.Cash cow ธุรกิจที่ทำกำไร จะเป็นธนาคาร และ 2.New Growth การเติบโตใหม่ โดย “SCBX” จะเน้นการเติบโต โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังในเรื่องของฐานเงินทุน และผู้ฝากเงิน โดยการเดินจะเน้นการทำงานสั้น มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุน โดยสามารถเลือกกลุ่มการเติบโต หรือ segment Product ได้ ทำให้การ Disruption น้อย โดยให้ธนาคารสามารถเดินต่อไปได้ด้วยความมั่นคง และลูกค้าจะไม่สับสนว่าธนาคารทำอะไรอยู่ ซึ่งธนาคารจะเป็น Cash cow เพื่อสร้างรายได้และผลกำไร

ส่วนบริษัท “SCBX” จะเน้นการเติบโตใน 2 พื้นที่ด้วยกัน คือ 1.Blue Ocean ตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ โดยจะไม่เน้นการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ แต่จะเน้นการเติบโตในตลาดทีมีโอกาส เช่น ธุรกิจรายย่อย หรือบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด (Card X) ซึ่งจะแยกตัวออกมาจากธนาคาร โดยจะหารายได้อีกใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่การเดินไปสู่ภูมิภาค จะมองในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยจะต้องมองการทำธุรกิจทั้งลึกและกว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

และ 2.การสร้าง Platform Ecosystem ทั้งในและต่างประเทศ เช่น โรบินฮู้ด ที่จะผลักดันสู่ภูมิภาคแข่งขันกับแพลตฟอร์มระดับโลก และการเข้าสู่เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB10X) และบริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรือธงในการทำเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล โดยโฟกัสการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเน้นเรื่องการลงทุน

เฟ้นธุรกิจใหม่ไม่หยุดยั้ง

นายอาทิตย์กล่าวอีกว่า บทบาท “SCBX” จะมีอยู่ 4 เรื่อง คือ
1.การสร้างและพัฒนาธุรกิจใหม่ หรือ Business development โดยการจัดตั้งทีมไทยและต่างประเทศ เพื่อสแกนหาธุรกิจใหม่ที่เติบโต Blue Ocean
2.การจัดหาเงินทุน (Capital Management) โดยบริษัทในเครือจะมีรูปแบบการหารายได้ และจะเอาเงินทุนที่ได้มาจัดสรรเพื่อไปใช้ในธุรกิจ
3.การรวมข้อมูล (Data integration) โดยจะมีการจัดตั้งบริษัท Data X ภายในเร็ว ๆ นี้
4.การเพิ่มประสิทธิภาพและการปฏิบัติตาม (Optimize) และ (compliance) เนื่องจากกรุ๊ปทำหลากหลายธุรกิจ จึงต้องมีบทบาทในการปฏิบัติตามผู้กำกับดูแล (Regulator) ในทุกมิติ

ทุ่ม 7 หมื่นล้านบาท “Re Imaging”

ทั้งนี้ ภายใต้โปรเจ็กต์นี้ เรียกว่า “Re Imaging” การสร้างภาพใหม่ และจินตนาการอื่น ๆ ของเอสซีบี เพื่อสร้างยานแม่ใหม่ โดยเม็ดเงินเบื้องต้น 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจต้องใช้มากกว่านี้ เนื่องจาก SCBX จะจัดการในการหยอดเม็ดเงินในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น หรือการตั้งบริษัทใหม่ ภายหลังจากมีการเติบโตจำเป็นต้องใส่เงินเพิ่ม โดยเบื้องต้นมีบริษัททั้งหมด 15-16 บริษัท ซึ่งยังไม่หมด และจะมีบริษัทที่จะทยอยออกมาพอสมควร และในทุกบริษัทจะมีอิสระในการทำธุรกิจ เหมือนเถ้าแก่น้อย และมีแรงจูงใจ โดยทุกบริษัทจะเดินทางและขยายสู่บริษัทจดทะเบียนใน ตลท.ภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้

“โดยทั้งหมดนี้ ธปท.เห็นชอบในหลักการแล้ว เหลือรออนุมัติทางการอีกครั้ง ซึ่ง SCBX จะยังคงอยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ส่วนการใช้ใบอนุญาตจะขึ้นอยู่กับบริษัทย่อย รวมถึง ธปท.สามารถคุยกับบริษัทลูก เช่น SCB Bank หรือ AutoX, CardX ก็ได้เช่นกัน แต่ภาพรวมจะอยู่ที่ SCBX และธนาคารก็ยังจะคงอยู่ต่อไป เป็น Siam Commercial Bank โดยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป และโครงสร้างธนาคารในปีนี้ “นายอาทิตย์ นันทวิทยา” ยังคงเป็น “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร” แต่ในระยะต่อไปจะมีการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาบริหาร” นายอาทิตย์กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก : prachachat.net

สนใจสมัครสินเชื่อส่วนบุคคล

regis-but
สนใจสมัคร


ต้องบอกเลยว่าในอนาคต เราคงได้เห็นธนาคารไทยพาณิชย์เติบโตมากขึ้นกว่านี้แน่นอน และสำหรับใครที่ต้องการกู้เงินด่วน เพื่อนำไปใช้ฉุกเฉิน สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลกับ masii ได้ง่ายๆ หรือโทร. 02 710 3100 เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกู้เงินกับธนาคาร การสมัครสินเชื่อส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ และอย่าลืมแอดไลน์ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจ

banner-blog-masii PL