ว่าด้วยเรื่องของการซื้อกองทุนนั้น มีมนุษย์เงินเดือนบางคนที่เลือกซื้อเพราะต้องการนำไปลดหย่อนภาษีประจำปี ซึ่งบางคนที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของการซื้อกองทุนก็อาจจะใช้วิธีซื้อประกันชีวิต หรือซื้อบ้านแทน และผลที่ได้นั้นก็อาจจะหนักหน่วงสักนิดกับการผ่อนระยะยาวไป ยิ่งถ้าใครบริหารเงินไม่ดีมีโอกาสพังกลางคันได้เลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงขอแนะนำให้รู้จักกับกองทุน LTF RMF กัน ซึ่งทั้งสองกองทุนนี้เป้ฯกองทุนที่นิยมที่สุด และดีที่สุดหากต้องการลดหย่อนภาษี แล้วยังได้ผลตอบแทนกลับคืนมาอีกต่างหาก
LTF คืออะไร
เริ่มต้นทำความรู้จักกับกองทุน LTF กันก่อน หรือชื่อเต็มว่ากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund) หลักเกณฑ์ในการลงทุนกับเงินกองทุนนี้ คือสามารถซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินที่ต้องเสียภาษี เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกินความสามารถของมนุษย์เงินเดือน และระยะเวลาในการกองทุนรวม LTF ก็ไม่นานจนเกินรอ ใช้เวลาเพียง 5 ปีปฏิทินเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากนับตามวันเวลาจริง ๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 3 ปีนิด ๆ ก็สามารถขายได้แล้ว ขอแนะนำอีกสักนิดว่าถ้าหากต้องการจะซื้อกองทุนรวมนี้จริง ๆ ก็ขอให้ซื้อช่วงต้นปี เพราะจะได้ราคาที่ดีกว่า
RTF คืออะไร
และอีกกองทุนรวม ก็คือกองทุน RMF หรือชื่อเต็มว่ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเพื่อการเลี้ยงชีพ จึงหมายถึงเพื่อการเกษียณนั่นเอง โดยกองทุนนี้จะแยกมาจากกองทุนบำนาญของข้าราชการ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของเอกชน โดยเงื่อนไขในการซื้อกองทุนนี้ ก็คือต้องลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% และสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ก็นับว่าไม่หนักเกินไปสำหรับมนุษย์เงินเดือนอีกเช่นกัน
แต่เงื่อนไขของกองทุน RMF ออกจะโหดกว่ากองทุน LTF สักนิด เพราะต้องถือยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีอายุครบ 55 ปี
แต่เงื่อนไขของกองทุน RMF ออกจะโหดกว่ากองทุน LTF สักนิด เพราะต้องถือยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีอายุครบ 55 ปี จึงเรียกว่าเป็นกองทุนเพื่อการเกษียณอย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่ากองทุน RMF จะห้ามขายก่อนถึงอายุ 55 ปี แต่ก็ยังสามารถสับเปลี่ยนการถือกองทุนได้ เพราะกองทุนแต่ละกองทุนมีความผันผวนที่ไม่เหมือนกัน เราจึงจำเป็นต้องบริหารในส่วนนี้สักนิด เพื่อลดความเสี่ยงเงินออมยามเกษียณของเรา
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าชอบกองทุนไหนกันแล้ว สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการจะลงทุน และอย่าลืมวางแผนทางการเงินให้ดี เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง เพราะขึ้นชื่อว่าการลงทุนก็ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าความเสี่ยงนั้นจะสูงหรือต่ำมากก็ตาม ดังนั้นจึงควรศึกษา ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ให้ดีก่อนตัดสินใจร่วมลงทุนจะดีกว่า ที่สำคัญควรเลือกลงทุนในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
