สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกับพี่หมีโกแบร์อีกครั้งกับสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องการประหยัดเงินอย่างไรให้ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้นะครับ เดี๋ยวนี้เทรนด์เที่ยวแบบประหยัดกำลังมาแรง หลายๆคนก็แทบจะเอาใบเสร็จค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างๆแบบถูกและดีมาอวดกัน ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ากินค่าอยู่ ค่าโรงแรม จนใครหลายๆคนก็อยากออกไปเที่ยวแบบประหยัดบ้าง ปีๆหนึ่งเราจะได้เที่ยวได้หลายๆรอบด้วยงบที่น้อยนั่นเองครับ และเพื่อนๆทราบไหมครับว่า แม้จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆที่เราต้องจ่ายออกไปและเราคิดว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้ทริปของเรามีราคาแพง ทั้งค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรม อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากๆและทำให้เราเสียเงินในกระเป๋าไปไม่แพ้กันก็คือ การมีเพื่อนร่วมทางพาผลาญเงินนั่นเองครับ เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดวิถีการเที่ยวของเรา ว่าจะเป็นการเที่ยวแบบประหยัดหรือจะกลายเป็นทริปราคาแพงหูฉี่ เพราะเพื่อนของเรานั้นจะเป็นผู้กำหนดว่า อยากกิน ช็อป และเที่ยวที่ไหน ส่วนใหญ่เราก็มักจะเกรงใจ ตามๆเพื่อนไปใช่ไหมล่ะครับ ทางที่ดี ก่อนจะชวนใครออกไปเที่ยว ให้ลองดูนิสัยของเพื่อนเราก่อนว่า เข้าข่ายเพื่อนร่วมทางพาผลาญเงิน 5 ประเภทนี้หรือไม่ ไปดูกันเลยครับ
อยากเที่ยวแบบประหยัด ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อนร่วมทาง 5 แบบนี้
1) เพื่อนร่วมทางสายกิน
เดี๋ยวนี้เวลาเปิด instagram ทีไร เห็นคนไปเที่ยวก็ต้องถ่ายรูปอาหารเก๋ๆอวดกันทุกที หลายคนเป็นเช่นนี้นะครับ ถ้าไปเที่ยว ที่แรกๆที่จะอยู่ในลิสต์เลยก็คือร้านอาหารดีๆสวยๆ มีมุมเก๋ๆเอาไว้ถ่ายรูป และอาหารต้องดูน่ากิน ไม่ว่ารสชาติจะเป็นยังไงก็ตาม เมื่อเพื่อนเราทำแบบนี้ เราก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายแพงตาม อยากจะเที่ยวแบบประหยัดก็ไม่ได้ เพื่อนสายกินแบบประหยัดจริงๆก็มีนะครับ แต่ถ้าเป็นเพื่อนสายกินหรู แบบถ้าฉันไปฮ่องกง ฉันต้องไปลองร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ให้ได้เลย แบบนี้ก็ขอบายดีกว่าครับ ไม่ต้องเกรงใจที่จะปฏิเสธขอไม่ร่วมไปด้วย แล้วบอกตรงๆว่า ตอนนี้เราอยากเที่ยวแบบงบน้อยดีกว่า แล้วปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาดีกว่าครับ แต่ถ้าสมมุติเพื่อนๆจำเป็นต้องไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมทางสายกินหรูจริงๆ เคล็ดลับที่จะทำให้เราจ่ายน้อยก็คือ การใช้แต้ม cash back rewards จากบัตรเครดิตเอามาจ่ายค่าอาหารทั้งหมด แล้วเก็บเงินแชร์ค่าอาหารเป็นเงินสด ก็จะประหยัดไปได้พอสมควรครับ
2) เพื่อนร่วมทางสายพเนจร
เพื่อนร่วมทางสายนี้มักทำให้เราปวดหัวแบบสุดๆ เพราะพวกเขาจะไม่มีการวางแผนอะไรทั้งสิ้น คิดอยากจะไปเที่ยวไหนก็ไปเลยทันที แล้วค่อยไปตายเอาดาบหน้าหาที่พักเอาทีหลัง ซึ่งก็ทำให้เสี่ยงมีโอกาสต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าโรงแรมแพงหูฉี่ แถมถ้าต้องไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆกับเพื่อนพเนจรเหล่านี้ เช่นไปที่เทพีเสรีภาพหรือหอไอเฟล ก็ยิ่งต้องจ่ายค่าเข้าชมที่แพงมากเพราะไม่ได้คิดวางแผนจะซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าไปก่อนเลย แถมยังต้องมาเสียเวลาต่อคิวยาวกว่าอีก 3 ชั่วโมง ถ้าอยากเที่ยวแบบประหยัดกับเพื่อนร่วมทางสายนี้ ก็ลืมไปได้เลยครับ นอกจากนี้ เวลาเดินเที่ยวในตัวเมือง พวกเขาก็ไม่เคยคิดจะวางแผนเส้นทางการเที่ยวซะก่อน หวังแค่ว่าเปิด google map แล้วเดินตามเอาทีหลังก็ได้ แต่ถ้าเกิดหลงทางขึ้นมา อยากจะกลับโรงแรมก็ต้องเสียค่าแท็กซี่แพงเอาการ หลังจากที่เราเสียค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแบบผิดพลาดกับเพื่อนไปมากแล้ว เพื่อนพเนจรของเราก็ดูจะไม่เสียใจที่ทำอะไรแบบนี้แล้วทำให้เราเดือดร้อนเลยครับ แถมยังมองว่าเป็นเรื่องสนุกได้ผจญภัยซะอีก ขอบายละกันนะครับ เราอยากเที่ยวแบบประหยัด มากกว่าไปพเนจรจนกระเป๋าฉีกครับ
3) เพื่อนร่วมทางสายขี้เกียจเที่ยว
เพื่อนร่วมทางสายนี้ มักจะเป็นพวกนอนดึกตื่นสาย ขี้เกียจจะทำอะไรทั้งวัน อยากแค่จะนอนกลิ้งอยู่บนเตียงในโรงแรม ทำให้เวลาที่เพื่อนๆอยากออกไปเที่ยว และเราได้วางแผนตารางเวลาไว้แล้วเรียบร้อยรวมถึงซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ที่ต้องไปให้ถึงตอน 10 โมงเช้า เพื่อนเราก็ไม่มีทางตื่นทันแน่นอนครับ ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเราไปกับทัวร์แล้วดันต้องนอนห้องเดียวกันกับเพื่อนสายขี้เกียจเที่ยวแบบนี้ เราเองนอกจากจะต้องมาคอยดูแลเพื่อนแล้ว ก็ยังพลาดเที่ยวในที่ต่างๆไปเยอะเลยครับ นอกจากจะทำให้เราเสียตังค์จากการพลาดแผนเที่ยวต่างๆเยอะแยะแล้วนั้น สิ่งที่เสี่ยงที่สุดที่เพื่อนสายนี้จะทำได้ก็คือ การทำให้เราตกเครื่องบินเมื่อพวกเขาตื่นสายและเก็บของไม่ทัน ทำให้เราเองอาจเสียเงินได้ร่วมหมื่นเลยละครับ ถ้าอยากเที่ยวแบบประหยัดกับคนเหล่านี้ ก็คงต้องเลื่อนตารางทุกอย่างให้ไปอยู่ในช่วงบ่าย หรือจองตั๋วเครื่องบิน เป็นเที่ยวกลางคืน ก็พอไหวอยู่ครับ
4) เพื่อนร่วมทางสายยืม
เพื่อนร่วมทางสายนี้ มองว่าเราและคนอื่นๆที่ไปเที่ยวด้วยกันเป็นเหมือนตู้ atm เคลื่อนที่ คิดจะเบิกใช้เงินยืมจากเราเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อเอาไปซื้อของฝาก จ่ายค่าอาหาร จ่ายค่าเข้าชมต่างๆ แล้วก็อ้างว่าตอนนี้ยังไม่มีเงิน เดี๋ยวใช้คืนนะ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การที่เขายืมเงินระหว่างที่เราเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ เงินในกระเป๋าเราก็ยิ่งน้อยลง ทำให้เราเที่ยวได้ไม่จุใจอย่างที่อยาก แล้วยิ่งถ้าเพื่อนสายยืมพาครอบครัวมาเที่ยวด้วย ก็ยิ่งยืมหนักเข้าไปใหญ่ เพราะต้องเอามาจ่ายค่าใช้จ่ายให้กับลูกเมีย ถ้าเจอแบบนี้ไม่มีทางที่เราจะเที่ยวแบบประหยัดได้เลยครับ ทางที่ดี อย่าได้เกรงใจ และบอกไปตรงๆว่าเราคงให้ยืมอีกไม่ได้เพราะจะทำให้งบเที่ยวของเราเหลือน้อย และเราเตรียมงบเที่ยวมาไว้เผื่อแค่ตัวเราคนเดียว แต่ถ้าเพื่อนสายนี้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากที่ต้องยืมเงินเราจริงๆ ทางที่ดีให้เราเป็นธุระช่วยติดต่อเรื่องการโอนเงินมาจากบ้านเกิดโดยช่องทางอื่น อย่างเช่นการใช้ Western Union จะดีกว่าการควักเงินของเราให้เองครับ
5) เพื่อนร่วมทางสายเรื่องมาก
ทำแบบนู้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดี อาหารไม่เห็นอร่อย อากาศข้างนอกร้อนไป หนาวไป แฉะไป ไม่เห็นอยากเที่ยวเลย มีแมลงบินเต็มไปหมด ถ้าจะบ่นขนาดนี้แล้ว จะออกมาเที่ยวทำไมกันละเนี่ย นอนชิลอยู่ที่วังที่บ้านเกิดจะดีกว่านะครับ นอกจากบ่นยังไม่พอ เพื่อนแบบนี้อาจทำให้เราไม่ได้เที่ยวแบบประหยัดและต้องเสียเงินมากขึ้นไปอีก เพราะพอเพื่อนสายนี้บ่นว่าไม่อยากจะเดินเพราะข้างนอกมันร้อนไปหรือหนาวไปหรือเมื่อยแล้ว เราก็ต้องเรียกแท็กซี่เพื่อเดินทางแทน ถ้าเราอยากจะไปกินอาหารข้างทาง เพื่อนสายเรื่องมาก ก็อยากจะไปกินร้านอาหารแพงๆแทน ถ้าอยากเที่ยวแบบประหยัด ก็หลีกเลี่ยงพยายามไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนสายเรื่องมากจะดีที่สุดครับ แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็อาจจะลองเอามาม่าหรืออาหารจากบ้านที่เพื่อนชอบติดๆไปด้วย เขาจะได้ไม่ต้องลากเราเข้าร้านอาหารแพงๆตลอดครับ
และที่โชคร้ายที่สุดก็คือ ในบางครั้งแม้เราคบเพื่อนบางคนมานานนับปี ก็ไม่มีทางรู้นิสัยของเพื่อนอย่างแท้จริงจนกว่าจะได้มาเที่ยวด้วยกันเลยครับ ก็ขอให้โชคดีกับการหาทางเที่ยวแบบประหยัด และอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อนๆแบ่งเบาภาระทางการเงิน และสามารถประหยัดและเก็บออมเงินของเราให้ได้ ก็ให้เรามาเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดู ทำให้เราได้ดอกเบี้ย และอย่าลืมทำประกันการเดินทาง เผื่อกรณีไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้นะครับ ด้วยความปราถนาดีจากพี่หมีโกแบร์ครับ