สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว masii วันนี้ Tiresbid และ จอร์จ มาพร้อมกับฝนครับ หน้าฝนแล้วเลยอยากมาแนะนำเพื่อนๆ เรื่องการดูแลยางรถยนต์ครับ จอร์จคิดว่ามีเพื่อนๆ หลายคนไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องการดูแลยาง ว่าจะต้องดูแลยางอย่างไร เพื่อเหมาะสมกับพื้นผิวถนนที่มีสภาพเปียก หรือเป็นแอ่งน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุของรถเสียหลักจำนวนมากครับ
วิธีดูแลยางรถยนต์หน้าฝน ยืดอายุยางใช้งานได้คุ้มค่า
เรามาเริ่มกันเลยครับ อย่างแรกเลยต้องดูเรื่อง ร่องดอกยาง ครับ ว่าดอกยางของเราสึกไปเยอะแล้วหรือยัง และ ยังมีดอกยางเหลืออยู่หรือเปล่า เพราะส่วนนี้จะส่งผลกับเรื่องการระบายน้ำออกจากหน้ายาง ยิ่งร่องดอกยางน้อยเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าการระบายน้ำบริเวณหน้ายางยิ่งทำได้น้อยลง ซึ่งอาจทำให้หน้าผิวสัมผัสยางไม่สามารถแนบกับพื้นถนนได้ดี ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการยางเหินน้ำได้ครับ โดยเราจะเช็กได้อย่างไรว่ายางนั้นสึกมากแล้ว
โดยปกติยางทุกเส้นจะมีสะพานยางอยู่จะเป็นตุ่มๆ ระหว่างร่องดอกยางครับ ซึ่งตุ่มๆ นี้จะเรียกว่า “สะพานยาง” ซึ่งสะพานยางจะมีความหน้าเพียง 1.6 มม.เท่านั้น หากยางสึกถึงสะพานยางแล้วในช่วงหน้าฝนนี้ จอร์จแนะนำให้รีบเปลี่ยนครับ เพราะการที่ดอกยางเหลือถึงสะพานยาง ระยะเบรกบนถนนเปียกจากปกติเดิมจะไกลเพิ่มขึ้นถึง 30-50 เมตรเลยครับ อาจทำให้เรากะระยะทางในการเบรกผิดไปจากเดิม หรือจะเป็นเคสที่กะระยะเบรกผิด ซึ่งส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเพื่อนๆ ได้ครับ
ต่อมาในช่วงหน้าฝนนี้ ยางคู่ที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดคือเรื่อง ยางล้อหลัง ครับ ยางล้อหลังเป็นยางที่สำหรับประคองวิ่งตาม และไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเราเองครับ เพราะฉะนั้นเราต้องเช็กยางคู่หลังของเราให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีร่องดอกยางเต็ม เพราะจะช่วยลดปัญหาการเสียการควบคุมได้เมื่อขับรถผ่านแอ่งน้ำได้ครับ หากดอกยางล้อหลังเหลือน้อยแล้วนั้น โอกาสเกิดการเหินน้ำในล้อหลังจะเกิดสูงมาก ซึ่งทำให้รถสามารถเสียหลักและท้ายปัดได้ครับ ซึ่งเพื่อนๆ อาจเห็นตามท้องถนนบ่อยที่มีรถหมุนกันกลางถนน ก็เพราะเหตุนี้ละครับจึงต้องตรวจเช็กล้อหลังด้วยนะครับ ไม่ใช่เช็กแต่ล้อหน้า การเสียการควบคุมจากท้ายปัดเป็นสาเหตุใหญ่เลยครับ เพราะส่งผลให้เกิดความเสียหายเยอะครับ
การเติมลมยางอันนี้ จอร์จขอแนะนำครับ ว่าควรเติมลมสูงขึ้นกว่าปกติครับ 1-2 PSI ครับ เพราะการเติมลมสูงขึ้น ทำให้ยางมีการโกงตัวเกิดขึ้น และทำให้ร่องดอกยางมีการขยายตัวและสามารถระบายน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้นครับ ซึ่งจริงๆ ก็ช่วยได้ในส่วนเดียวครับไม่มากเท่าไหร่ครับ จากการทดลองถ้าเราเติมลมน้อยลงทุก 7 ปอนด์ต่อตางรางนิ้วเมื่อเราวิ่งขับผ่านน้ำ หน้าสัมผัสพื้นถนนจะมีพื้นที่ลดลงถึง 50% เยอะมากเลยครับ และถ้าเราไปอีก 7 ปอนด์ ก็จะทำให้ผิวสัมผัสของหน้ายางกับพื้นถนนเหลือเพียง 25% เท่านั้นครับ จะกลับกันกับเคสปกติ ที่ว่าถ้าหน้าร้อนยิ่งเติมลมมากผิวสัมผัสยิ่งน้อยลง แต่ถ้าหน้าฝนต้องเติมลมสูงกว่าเล็กน้อย เพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดีขึ้นครับ แล้วการยึดเกาะถนนจะทำได้ดีกว่าเดิมครับ
ก็อยากจะขอเตือนเพื่อนๆ ครับ ในช่วงนี้หากฝนตกอยากให้เพื่อนๆ ลดความเร็วลงมาจากปกติบ้างครับ และหากเสียหลักก็ควรควบคุมสติและค่อยๆ บังคับเอารถให้อยู่ครับ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ เพราะจอร์จไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับทุกๆ คนครับ เพราะจอร์จเป็นห่วงทุกคนครับ ปลอดภัยหายห่วงกับ ไทร์บิดครับ วันนี้ มากับฝนก็จะไปกับฝนครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ เพื่อนๆ สามารถที่จะคลิกอ่านบทความรู้ยางรถยนต์ เรามีรีวิวยางและบทความรู้ยานยนต์ได้อย่างครบถ้วนเพิ่มเติมได้ฟรีเลยนะครับผม หรือสะดวกช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com และเรายังมีบริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ที่คอยให้คำแนะนำ โดยสามารถติดต่อช่องทาง Line OA : @tiresbid (มี @ ด้วยนะครับ) ทักมาให้พวกเราได้ครับผม ยินดีให้บริการอย่างยิ่งเลยครับ โอกาสหน้ามีบทความอะไรใหม่ๆติดตามกันนะครับ
แต่หากใครสนใจทำประกันรถยนต์ ก็สามารถติดต่อกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือหากใครอยากทำประกันรถยนต์แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกประกันรถยนต์ประเภทไหนดีละก็ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังสามารถแอดไลน์เพื่อติดตามข่าวสารจากมาสิได้ที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันสุขภาพ ประกันไวรัสโคโรนา รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ