จัดอันดับน้ำมันเพื่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย… น้ำมันพืช อะไรดีที่สุด?

โดย

07/01/2023

สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ กระแสของการดูแลสุขภาพนั้นเริ่มที่จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะกระแสการออกกำลังเพื่อสุขภาพ งานอดิเรกพักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้แต่เรื่องของการจัดการกับอาหารการกินที่ในทุกวันนี้ก็ได้มีทางเลือกที่หลากหลายในการเลือกบริโภค ทั้งนี้ ในเรื่องของการดูแลสุขภาพ เรื่องของอาหารการกินก็ถือได้เป็นปัจจัยแรก ๆ ที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่เราสามารถจัดการได้ง่ายที่สุด ด้วยเพราะอย่างคำกล่าวที่ว่า กินอะไรมักที่จะได้อย่างนั้น ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคำกล่าวที่ไม่เกินจริง เพราะด้วยความที่อาหารที่เราบริโภคเข้าไป อาหารเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนไปใช้ในการบำรุง ดูแลรักษา และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายนั่นเอง และอย่างในวันนี้ มาสิ ก็ได้เอากับอีกหนึ่งตัวเลือกในบริโภคอาหารนั่น คือ น้ำมัน ที่แม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย หากแต่เราบริโภคในปริมาณที่ถูก เลือกประเภทที่ควรก็จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้ ว่าแล้ววันนี้เรามาดูดีกว่าการจัดอันดับน้ำมันพืชที่ดีต่อสุขภาพ น้ำมันพืช ชนิดไหนดีที่สุด

เรื่องของ น้ำมันพืช

น้ำมันพืช หรือ ไขมันพืช เป็นไขมันที่สกัดจากเมล็ดหรือจากส่วนอื่น ๆ ของพืช เหมือนกับไขมันสัตว์ ปัจจุบันน้ำมันพืช มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันมาก เนื่องจากสำหรับผู้ที่ทำอาหรส่วนใหญ่ เลือกใช้น้ำมันพืชเป็นหลักในการประกอบอาหาร เนื่องจากหาซื้อได้สะดวกกว่าน้ำมันหมู และยังมีคุณค่ามากกว่า

ประเภทของ น้ำมันพืช

โดยน้ำมันพืชที่มีขายในท้องตลาด มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่เป็นไขเมื่ออากาศเย็น และชนิดที่ไม่เป็นไข ในที่เย็น ทั้ง 2 ชนิดนี้มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน และควรจะเลือกใช้ต่างกัน ดังนี้

น้ำมันพืชชนิดที่เป็นไข จะประกอบไปด้วยไขมันชนิดอิ่มตัว อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไขมันชนิดอิ่มตัว เป็นไขมันที่อยู่ในไขมันสัตว์, ไขมันจากมะพร้าว และน้ำมันปาลม์ มีคุณสมบัติ ที่เป็นไขได้ง่าย ย่อยยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารก จะย่อยได้ไม่ดีนัก นอกจากนี้ยังทำให้ โคเลสเตอรอลในเลือดสูง แต่ก็มีข้อดี คือ น้ำมันชนิดนี้จะทนต่อความร้อน ความชื้นและออกซิเจน ไม่เหม็นหืน และเวลาที่ใช้ทอดอาหาร จะทำให้อาหารกรอบอร่อย น่ารับประทาน สามารถทอดอาหารได้นานๆ เพราะน้ำมันจะไม่ค่อยเสีย

น้ำมันชนิดที่ไม่เป็นไข ประกอบด้วย ไขมันชนิดไม่อิ่มตัวอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง ไขมันชนิดนี้ ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้สร้างเซลต่างๆ จึงเหมาะสมกับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และยังช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด ผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลในเลือดสูง จึงควรเลือกใช้น้ำมันชนิดนี้ แต่ข้อเสียของน้ำมันชนิดนี้ คือ เมื่อถูกทำลายจะกลายเป็นสารโพลาร์ ซึ่งทำให้น้ำมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งสารโพลาร์เหล่านี้ อาจทำให้เกิดโรคหัวใจจากเส้นเลือดหัวใจตีบตัน อาจจะทำให้เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทำให้ตับเสื่อมได้ อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นเพียงผลที่เกิดในสัตว์ทดลองเท่านั้น ส่วนในคนยังไม่มีหลักฐานใดๆ เหมือนในสัตว์ทดลอง

การเลือกใช้ น้ำมันพืช

สำหรับการเลือกใช้น้ำมันพืช ให้ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหาร และผู้ที่รับประทาน ถ้าชนิดของอาหารเป็นชนิดที่ต้องใช้เวลาทอดนาน ควรเลือกน้ำมันที่เป็นไข จะทำให้อาหารกรอบอร่อย น่ารับประทาน สามารถทอดอาหารได้นานๆ เพราะน้ำมันจะไม่ค่อยเสีย แต่ถ้าเป็นอาหารที่ใช้เวลาทอดไม่นาน ควรใช้น้ำมันชนิดไม่เป็นไข สำหรับผู้รับประทาน ถ้าเป็นเด็ก ควรใช้น้ำมันที่ไม่เป็นไขเพื่อช่วยการเจริญเติบโต ส่วนผู้ใหญ่ที่ไม่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง เลือกใช้น้ำมันชนิดใดก็ได้ ส่วนผู้ใหญ่ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรใช้น้ำมันชนิดที่ไม่เป็นไข หากต้องการรับประทานอาหารที่ทอดด้วยน้ำมันที่เป็นไข ต้องรับประทานในปริมาณที่น้อยๆ จึงจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

จัดอันดับน้ำมันพืชแบบไหน ที่ดีต่อสุขภาพ

จากการจัดอันดับน้ำมันชืพแบบไหนที่ดีต่อร่างกายมากที่สุดของ ได้ทำการจัดอันดับจากจุดเกิดควัน น้ํามันชนิดต่างๆ (Smoke Point) ซึ่งเป็นจุดที่ อุณหภูมิที่น้ำมันจะเริ่มแตกตัวเป็นควันพิษ อันเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น หากใครที่นิยมทำเมนูที่ต้องทอดนานๆ แนะนำให้รีบตรวจสอบว่า น้ำมันชนิดใดที่มีอุณหภูมิจุดเกิดควัน smoke point มากที่สุด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการรับประทานอาหาร

อันดับ 5 น้ำมันมะกอก

จุดเกิดควัน น้ำมันมะกอก : 163 องศาเซลเซียส (ผัดไฟอ่อนได้)

ประโยชน์ : น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีส่วนช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดี โดยการลดความดันโลหิต ลดระดับไขมันเลวในร่างกาย ลดเสี่ยงโรคหัวใจ

อันดับ 4 น้ำมันมะพร้าว

จุดเกิดควัน น้ํามันมะพร้าว : 177 องศาเซลเซียส (ผัดไฟแรงปานกลางได้)

ประโยชน์ : น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยไตรกลีเซอไรด์ สายปานกลาง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ถึงแม้ว่าจะให้แคลอรีสูง แต่ด้วยการทำงานที่แตกต่างจากไขมันชนิดอื่น จึงช่วยเผาผลาญไขมันและลดคอเลสเตอรอลได้

อันดับ 3 น้ำมันคาโนลา

จุดเกิดควัน น้ํามันคาโนลา : 218 องศาเซลเซียส (ผัดไฟแรงปานกลางได้)

ประโยชน์ : น้ำมันคาโนลาเป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพยอดนิยม เนื่องด้วยช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลายชนิดได้อย่างเกิดผล เพราะมีปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวสูง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้หัวใจแข็งแรง

อันดับ 2 น้ำมันเมล็ดทานตะวัน

จุดเกิดควัน น้ํามันเมล็ดทานตะวัน : 238 องศาเซลเซียส (ผัดไฟแรงได้)

น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ประโยชน์ : น้ำมันเมล็ดทานตะวันประกอบไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารนานาชนิด นอกจากจะช่วยรักษาการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้แล้ว ยังช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิตได้อีกต่างหาก

อันดับ 1 น้ำมันอโวคาโด

จุดเกิดควัน น้ํามันอโวคาโด : 266 องศาเซลเซียส (ผัดไฟแรงได้)

ประโยชน์ : น้ำมันอโวคาโดเป็นหนึ่งในสุดยอดน้ำมันสุขภาพ มีข้อดีนานัปการ ทั้งลดคอเลสเตอรอล เพิ่มไขมันดี เสริมประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณ : Sanook และ undubzapp

ก่อนจากกันในวันนี้ก็เหมือนอย่างเคย ไม่เพียงแค่สาระดี ๆ ที่ มาสิ ได้หยิบเอามาฝากให้ทุกคนได้อ่าน และได้นำไปใช้ในการดูแลสุขภาพกัน แต่ มาสิ ยังได้หยิบเอากับอีกหนึ่งตัวช่วยในเสริมสาร้างในการดูแลสุขภาพกับ ประกันสุขภาพ จากเอ็ทน่าประกันภัยที่จะช่วยเสริมสร้างความคุ้มครองที่ดีให้กับความเจ็บป่วยทางกาย จะมีความน่าสนใจ หรือรายละเอียดความคุ้มครองอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกัน

ประกันสุขภาพ แผนเอ็กซ์ตร้าแคร์ ( Extra Care )

ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care )

เอ็ทน่า ประกันภัย — ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care )

สำหรับ ประกันสุขภาพ เอ็ทน่า เอ็กซ์ตร้าแคร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม หรือสวัสดิการจากบริษัทอยู่แล้ว แต่อาจมีวงเงินความคุ้มครองไม่เพียงพอ แผนประกันนี้จึงช่วยเติมเต็มวงเงินความคุ้มครองจากสวัสดิการที่มีอยู่ ช่วยชดเชยค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินอีก 80% โดยไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดในแต่ละแผนที่กำหนดไว้ต่อการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บในแต่ละครั้ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน( ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง ) 20,000 บาท
ความคุ้มครองเพิ่มเติมอีก 80% ของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในส่วนที่เกินจากความรับผิดส่วนแรก ครอบคลุมในส่วนค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดและวิสัญญีแพทย์ ค่าห้องผ่าตัด ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ค่าธรรมเนียมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสูงสุด 600,000 บาท
ค่าห้องผู้ป่วยปกติ สูงสุดต่อวัน 4,000 บาท
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล( อบ.2* ) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะสายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รายละ 1,000 บาท
เบี้ยประกันเริ่มต้น 3,172 บาท
* อบ.2 คือ ประเภทความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยที่มีรายละเอียดความคุ้มครองคือ (1) การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ/สายตา การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง, (2) การทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิง, (3) การทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วน, (4) การรักษาพยาบาล และ (5) การสูญเสียนิ้ว การสูญเสียการรับฟังเสียง/การพูดออกเสียงและการทุพพลภาพถาวรบางส่วน