อย่างที่ทราบกันดีว่าแบตเตอรี่นั้นเป็นอุปกรณ์ของรถยนต์ที่มีความสำคัญอย่างมากกับรถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไปแบตเตอรี่รถยนต์นั้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5-2.5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้เป็นเจ้าของรถ นั่นเอง
แบตเตอรี่ที่รู้จักกันดีในท้องตลาดสามารถได้เป็น 3 ประเภทตามการใช้งานได้แก่
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ เป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่จะต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งานในทุกเดือน หรือเติมเมื่อรถวิ่งครบ 1000 กิโลเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกลั่นแห้ง ไม่อย่างนั้นแบตเตอรี่นั้นจะไม่เก็บไฟ และอาจส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติดได้ สำหรับข้อดีของแบตเตอรี่รถยนต์ประเภทนี้ก็คือไม่สามารถปล่อยกระแสไฟที่แรงมาก ๆ ได้จึงไม่เหมาะกับรถแต่งหรือรถที่มีอุปกรณ์ที่กินไฟมาก ๆ รวมถึงเหมาะสมกับรถยนต์ที่ต้องได้รับการดูแลที่ดี
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่เจ้าของรถต้องคอยเติมน้ำกลั่นทุก ๆ 6 เดือนหรือเมื่อรถวิ่งครบ 10,000 กม. ส่วนข้อดีของแบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือเป็นแบตเตอรี่ที่มีราคาไม่สูงมาก ไม่ยุ่งยากในการดูแลและบำรุงรักษา แต่มีข้อเสียทางด้านอายุการใช้งานที่น้อยกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่เน้นการใช้งาน
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง เป็นแบตเตอรี่แบบที่ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่ประเภทนี้มักจะมีแผ่นซีลปิดไว้ด้านนอกหลายชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกรดภายในตัวแบตเตอรี่ระเหยไปข้างนอกได้ ส่วนข้อดีของแบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือเป็นแบตเตอรี่ที่ดีกว่าประเภทอื่นแต่ก็มีราคาแพงและเหมาะสำหรับรถที่ตกแต่ง หรือต้องใช้อุปกรณ์ไฟภายในรถสูง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่แบบใด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเลือกใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับสภาพและการใช้งานของรถยนต์ ซึ่งก่อนการเลือกใช้แบตเตอรี่เพื่อนำมาใช้กับรถของตัวนั้น ก็ควรดูที่วัตถุประสงค์ในการใช้งานเช่นความถี่ในการใช้รถในแต่ละวัน ดูระยะทางที่เดินทาง ถ้าหากพบว่าไม่ได้เดินทางไกลและไม่ได้ใช้รถบ่อยมากนักก็ไม่จำเป็นต้องเลือกแบตเตอรี่แบบแห้ง หรือหากต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ที่ใช้ในการวิ่งงานระยะทางไกล หรือไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจดูแลมากนักก็ควรใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง ต่อมาหากมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ควรเลือกเปลี่ยนกับตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการที่มีความน่าเชื่อถือได้ ก็เพื่อความปลอดภัยในทุกการขับขี่ และมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่นั้นได้รับการรับรองคุณภาพที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีความปลอดภัย ที่สำคัญคือควรเลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีความเหมาะสมกับสภาพรถยนต์เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ และรถยนต์ทำงานหนักจนเกินไป รวมถึงไม่ต้องกังวลถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันหากใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ที่ผิดประเภทอีกด้วย
