ปัจจุบันรถยนต์ในเมืองไทยมีมากขึ้น โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุจึงมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว และด้วยที่กฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำ พ.ร.บ.รถยนต์ หรือประกันภัยเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ขับขี่และบุคคลทั่วไป ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จึงเลือกทำประกันภัยรถยนต์เพิ่มเติม ส่งผลให้มีโบรกเกอร์ประกันภัยเกิดขึ้นตามมา แต่จะเลือกอย่างไรให้ได้โบรกเกอร์ประกันภัยที่ดี วันนี้ masii จึงนำเทคนิคดีๆ ในการเลือกโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ที่ดีมีมาตรฐานมาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
เลือกโบรกเกอร์ประกันรถยนต์อย่างไร ให้มีมาตรฐาน ไม่โดนหลอก
1. โบรกเกอร์มีใบอนุญาตจาก คปภ. หรือไม่
อันดับแรก ต้องดูว่าโบรกเกอร์ประกันภัยได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบ ธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยหรือไม่ โดยทั้ง 2 อย่างมีรายละเอียดดังนี้
ตัวแทน (Agent) คือ บุคคลที่ทำหน้าที่แทนบริษัท หรืออาจเรียกว่าได้ว่าเป็น “พนักงานของบริษัทประกัน” เพราะฉะนั้นพนักงานของบริษัทประกันจะสามารถเสนอขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เป็นต้นสังกัดเท่านั้น
นายหน้า (Broker) คือ บุคคลหรือนิติบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนวทางหรือจัดหาการทำประกันภัยรถยนต์ให้กับผู้ที่ต้องการจะซื้อประกัน โดยนายหน้าสามารถแนะนำประกันของบริษัทใดให้เราก็ได้อย่างอิสระ เพราะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้นเอง
***ดังนั้น ในกรณีที่เรายังไม่มีข้อมูลรายละเอียดต่างๆ การเลือกซื้อประกันผ่านนายหน้าก็จะสามารถช่วยในการตัดสินใจของเราให้ง่ายมากขึ้น เพราะมีการรวบรวมข้อมูลของบริษัทมาไว้ให้เราแล้ว***
2. ตัวแทนต้องมีใบอนุญาตชัดเจน
ในการเสนอขายประกันรถยนต์ ผู้ที่เสนอขายหรือตัวแทนขายประกันจะต้องมีการแจ้งชื่อ – นามสกุล เลขที่ใบอนุญาตตัวแทน นายหน้าประกันภัย และแจ้งว่าเป็นการขายประกันภัยให้แก่ลูกค้า หากผู้รับฟังไม่มีความประสงค์จะรับฟังต้องยุติทันที
3. เช็กประวัติโบรกเกอร์ว่ามีความน่าเชื่อถือ
อย่าลืมที่จะเช็กประวัติและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ประกันภัย เช่น โบรกเกอร์ประกันภัยเปิดมายาวนานหรือยัง มีประวัติการดำเนินการที่ดีหรือไม่ เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่มีการร่วมลงทุนหรือเปล่า เป็นต้น
4. โบรกเกอร์ต้องไม่เคยมีประวัติเสีย
นอกจากนี้เพื่อนๆ อย่าลืมเช็กด้วยว่าโบรกเกอร์ประกันภัยต้องไม่อยู่ในรายชื่อมีประวัติค้างชำระหนี้ หรือเคยมีประวัติเสีย มาก่อน
*** สามารถตรวจสอบทะเบียนใบอนุญาตตัวแทน และตรวจสอบประวัติค้างชำระหนี้ ได้ที่ลิ้งก์นี้ คลิกที่นี่ ***
*** หรือโทรสายด่วน คปภ.ได้ที่เบอร์ 1186 ***
ตัวอย่างเลขที่ใบอนุญาตที่นำไปตรวจสอบกับ คปภ. ได้
5. โบรกเกอร์มีที่ตั้งบริษัทชัดเจน
นอกจากนี้บริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยต้องมีที่อยู่ที่ชัดเจน สถานที่ตั้งบริษัทต้องมีความน่าเชื่อถือ และสามารถเข้าใช้บริการได้จริง อีกทั้งยังต้องสามารถตรวจสอบได้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น มีระบบ call center ที่สามารถให้บริการสอบถามข้อมูลและรับแจ้งปัญหาได้ เป็นต้น
ตัวอย่าง
6. มีหลักฐานการซื้อขายที่ชัดเจน
บริษัทโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือควรมีหลักฐานการซื้อขายที่ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ เช่น เมื่อมีการตกลงซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ประกันภัย จะต้องทำการออกใบเสร็จให้ลูกค้า เพื่อเป็นการยืนยันว่าได้ชำระเงินเรียบร้อย พร้อมกับแจ้งลูกค้าว่าสามารถโทร.ยืนยันการซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันที่ซื้อกรมธรรม์ได้
ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบได้โดยโทร.ไปแจ้งชื่อ และหมายเลขประชาชน กับบริษัทประกันภัยที่ซื้อกรมธรรม์ โดยสามารถเช็กผ่าน Call Center ได้เลยค่ะ หรือหลังจากที่ได้ทำประกันกับโบรกเกอร์ประกันภัยแล้ว ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนว่าจะดำเนินเรื่องให้ภายในกี่วัน โดยในการซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นจะต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ด้วย แนะนำว่าควรเผื่อเวลาในการเตรียมเอกสารไว้ด้วยนะคะ
เป็นอย่างไรบ้างกับคำแนะนำดีที่มาสินำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้ทุกคน สามารถเลือกโบรกเกอร์ประกันภัยที่ดีและมีมาตรฐาน ได้นะคะ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของโบรกเกอร์ประกันภัยที่ไม่ดีค่ะ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หากใครสนใจประกันรถยนต์ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ หรือโทร.มาสอบถามข้อมูลที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากมาสิได้เลย