รถยนต์เกียร์ออโต้ขับแบบไหนปลอดภัยกว่า…. ใช้เท้าเดียว หรือสองเท้า ไปดูกัน!

รถยนต์
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

เรื่องของการเดินทางในทุกวันนี้ รถยนต์ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยานพาหนะยอดนิยมที่ใครหลายคนเลือกใช้ เพราะไม่ว่าจะใกล้จะไกล อย่างน้อย รถยนต์ก็ยังพอคุ้มภัย คุ้มแดดคุ้มฝนให้กับเราได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยี พร้อมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ภายในรถก็ได้มีการพัฒนา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขับขี่ให้กับผู้ใช้รถได้มากขึ้น อย่างที่ รถยนต์เกียร์ออโต้ ที่ไม่ว่าจะเดินทางจะใกล้จะไกลแค่ไหน ก็หมดความกังวลใจในเรื่องของการเปลี่ยนเกียร์ลดคันเร่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัญหาหรืออุปสรรคค่อนข้างมากสำหรับผู้ใช้รถยนต์ยุคใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่รถยนต์เกียร์ออโต้ เป็นรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดกระบวนการในการทำงานของระบบเกียร์ที่ทำให้เราไม่ต้องมีการเหยียบคลัทช์ปลี่ยนเกียร์ เพราะระบบสามารถรันได้เองโดยอัตโตมัติ การวางขาในการขับรถจึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องใส่ใจ เพราะเราควรใช้สองเท้าแบบการขับรถเกียร์ปกติหรือใช้เท้าเดียวในการขับรถดี วันนี้ มาสิ มาคำตอบมาฝากทุกคนกัน

 รถยนต์ เกียร์อัตโนมัติ

เกียร์ออโต้ หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “เกียร์อัตโนมัติ” ที่ตอนนี้แทบจะเข้ามาทดแทนไปจนเกือบจะสิ้นเชิงแล้วของเกียร์ธรรมดา สำหรับเกียร์ออโต้นั้น จะเป็นเกียร์ที่ระบบจะทำหน้าที่เปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์ให้เหมาะสมตามความเร็วและน้ำหนักบรรทุก ระบบเกียร์อัตโนมัตินั้นยังมีอีก 2 ประเภทที่นิยมใช้ โดยแบ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

  • คอนเวอร์เตอร์ คือ ระบบเกียร์ที่ใช้คอนเวอร์เตอร์และใช้น้ำมันในการส่งถ่ายกำลัง โดยระบบนี้จะมีใช้กำลังจากเครื่องยนต์มากกว่าระบบเกียร์ธรรมดา ใครที่นิยมความแรงและขับได้เร้าใจ อาจจะไม่เหมาะกับเกียร์ประเภทนี้ค่ะ แต่ในปัจจุบันระบบเกียร์คอนเวอร์เตอร์ได้มีการพัฒนามากขึ้นจึงไม่ค่อยกินกำลังเครื่องยนต์เหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ
  • เกียร์ CVT หรือ CVT (Continuously Variable Transmission) คือ การเปลี่ยนอันตราทดแบบต่อเนื่อง ซึ่งข้อดีของเกียร์ประเภทนี้ทำให้เราสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น ไม่มีปัญหาเรื่องอาการกระตุก รวมไปถึงยังช่วยรักษารอบเครื่องยนต์และช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีมาก ๆ การทำงานของเกียร์ประเภทนี้จะทำงานโดยการไล่เกียร์ไปเรื่อย ๆ ตามรอบอัตราเร่งของตัวรถ และยังสามารถคำนวณความเหมาะสมให้เหมาะกับรอบความเร็วได้ ทำให้เวลาเปลี่ยนเกียร์จึงไม่รู้สึกถึงแรงกระตุกนั่นเอง

ข้อแตกต่างของเกียร์ออโต้และเกียร์กระปุก

ในส่วนของข้อแตกต่างของเกียร์ทั้งสองแบบ นอกจากจะเป็นเรื่องของระบบการทำงานและการใช้งานที่แตกต่างกันแล้วก็ยังมีข้อแตกต่างในเรื่องอื่น ๆ ดังนี้

ระบบเกียร์ธรรมดา

  • สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า ใช้รอบเครื่องต่ำ
  • ดูแลรักษาได้ง่ายกว่าระบบเกียร์ออโต้ มีความทนทาน ใช้งานได้นานกว่า
  • ขับได้สนุกกว่าและเต็มประสิทธิภาพ เครื่องแรง
  • รถที่มีสมรรถนะสูง ๆ หรือมีกำลังเครื่องยนต์มาก ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เกียร์ธรรมดา
  • มีความปลอดภัยสูงกว่าเกียร์ออโต้

ระบบเกียร์ออโต้

  • ให้ความสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยเข้าเกียร์หรือจับจังหวะในการเปลี่ยนเอง ขับได้ง่ายกว่า
  • ตอบโจทย์กับผู้ที่เป็นมือใหม่หัดขับ และผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย
  • สามารถออกตัวรถบนเนินได้ง่ายกว่าระบบเกียร์ธรรมดา

วิธีการขับรถยนต์เกียร์ออโต้

การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขับขี่รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ

1.เข้าไปในรถ ปรับเบาะนั่งตามความเหมาะสม เพื่อให้เราสามารถเอื้อมถึงส่วนควบคุมต่างๆ ได้อย่างสะดวกและมองเห็นภายนอกกระจกชัดเจน เลื่อนกระจกให้สามารถมองเห็นด้านหลังและด้านข้างรถชัดเจน มองหาจุดอับสายตาของรถยนต์ก่อนที่จะเริ่มขับขี่ เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบที่จุดเหล่านี้ก่อนเลี้ยวรถหรือเปลี่ยนเลน

2.แยกแยะส่วนควบคุมแต่ละชนิด: การมองหาว่าแป้นคันเร่งและแป้นเบรก พวงมาลัย คันเกียร์ สวิตช์ควบคุมไฟส่องสว่าง ไล่ฝ้า และที่ปัดน้ำฝนว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหนบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขับรถนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

  • แป้นเบรกและคันเร่งจะอยู่ที่ด้านล่างสุดของบริเวณด้านหน้าที่ใช้วางเท้า แป้นเบรกจะอยู่ทางซ้าย ส่วนคันเร่งจะอยู่ทางขวา
  • พวงมาลัย คือ ล้อใหญ่ๆ ที่อยู่กลางคอนโซลฝั่งคนขับ หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายและขวาเพื่อหมุนล้อรถ
  • บนแกนพวงมาลัย (ปกติแล้วจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ) จะเป็นก้านควบคุมเล็กๆ ที่มีตำแหน่งพักตรงกลางและตำแหน่งล็อกสองตำแหน่งที่ด้านบนและด้านล่าง ตัวควบคุมนี้คือก้านไฟเลี้ยว ส่วนที่มักจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยซึ่งติดตั้งอยู่กับคอนโซลหรือที่เป็นปุ่มบนก้านที่ติดตั้งบนแกนพวงมาลัยนั้นก็คือปุ่มควบคุมการเปิดและปิดไฟหน้า
  • คันเกียร์จะอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งดังนี้ คือ ติดตั้งอยู่ทางด้านขวาของแกนพวงมาลัย หรืออยู่ระหว่างที่นั่งฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสาร โดยจะมีส่วนแสดงผลของไฟแสดงสถานะตำแหน่งเกียร์ ซึ่งปกติแล้วจะแสดงด้วยตัวอักษร “P”, “D”, “N”, และ “R” และตัวเลขหนึ่งถึงสองตัว สำหรับคันเกียร์ที่อยู่บนแกนพวงมาลัยนั้น ส่วนแสดงสถานะตำแหน่งเกียร์นี้จะอยู่บนแผงหน้าปัด ใต้มาตรวัดความเร็ว

3.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนเริ่มขับขี่

การขับรถยนต์ในตำแหน่งเกียร์เดินหน้า (Drive)

1.สตาร์ทรถยนต์: วางเท้าขวาบนแป้นเบรกและเหยียบลงไป จากนั้นเสียบกุญแจและบิดตามเข็มนาฬิกาเพื่อสตาร์ทรถ

  1. หลังจากนั้น เข้าเกียร์ เหยียบแป้นเบรกค้างเอาไว้และเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งเดินหน้า (Drive) เกียร์นี้จะแสดงด้วยตัว “D” บนแผงแสดงตำแหน่งเกียร์และจะส่องสว่างเมื่อคุณเข้าเกียร์สำเร็จ

– สำหรับคันเกียร์ที่ติดตั้งบนแกนพวงมาลัย ให้ดึงคันเกียร์เข้าหาตัวคุณแล้วเลื่อนขึ้นลงเพื่อเข้าเกียร์

– สำหรับคันเกียร์ที่ติดตั้งบนพื้น เกียร์ชนิดนี้จะมีปุ่มด้านข้างไว้สำหรับปลดล็อกคันเกียร์ ซึ่งจะทำให้สามารถเลื่อนคันเกียร์ไปตามตำแหน่งเกียร์ต่างๆ ได้

3.ปลดเบรกมือ. เบรกมือมีอยู่ 2 แบบ คือ เบรกมือที่เป็นคันโยกอยู่ระหว่างสองเบาะนั่งด้านหน้า หรือเบรกมือที่เป็นแป้นเหยียบทางด้านซ้ายสุดของบริเวณที่วางเท้า โดยเบรกมือที่อยู่ตรงเท้านั้นจะมีคันโยกสำหรับปลดล็อกอยู่ด้านบน ส่วนเบรกมือแบบที่อยู่ด้านบนนั้นจะมีปุ่มสำหรับกดก่อนที่จะสามารถปลดเบรกมือได้

4.ตรวจดูรอบๆ ตัวรถอยู่เสมอ มองดูบริเวณโดยรอบตัวรถ รวมถึงจุดอับสายตา เพื่อดูว่ามีวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวหรือสิ่งมีชีวิตในบริเวณโดยรอบหรือไม่ ควรใช้สายตามองไปในทิศทางที่เรากำลังเคลื่อนที่ไปเป็นหลัก

5.ค่อยๆออกตัว ค่อยๆ ปล่อยแรงเหยียบบนแป้นเบรก จากนั้นรถก็จะเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ถอนเท้าของเราออกจากเบรก แล้วใช้เท้าข้างเดิมค่อยๆ เหยียบคันเร่ง จากนั้นรถก็จะเริ่มเคลื่อนตัวเร็วขึ้น ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ตามความเร็วหากขับขี่บนสภาพถนนปกติ

6.หมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถ ในตำแหน่งเกียร์เดินหน้า (Drive) ให้หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายเพื่อเลี้ยวรถไปทางซ้าย และหมุนไปทางขวาเพื่อเลี้ยวรถไปทางขวา

7.เหยียบเบรกเพื่อลดความเร็วหรือหยุดรถ. ถอนเท้าข้างขวาออกจากแป้นคันเร่ง และเคลื่อนเท้าไปที่เบรกแล้วค่อยๆ ออกแรงเหยียบเพื่อไม่ให้รถกระชากหยุด เมื่อต้องการที่จะเคลื่อนรถอีกครั้ง ให้เปลี่ยนเท้ากลับมาที่คันเร่ง

8.จอดรถ เมื่อคุณมาถึงจุดหมายปลายทางของคุณแล้ว ให้จอดรถให้สนิทโดยค่อยๆ ออกแรงเหยียบแป้นเบรก จากนั้นเลื่อนคันเกียร์กลับไปที่ตำแหน่งจอด “P” ดับเครื่องยนต์โดยการบิดกุญแจทวนเข็มนาฬิกา อย่าลืมปิดไฟหน้าและใส่เบรกมือก่อนออกจากรถ

 การใช้เกียร์อื่นๆ

1.ขับรถเกียร์ถอยหลัง (Reverse) : ถ้าต้องการเคลื่อนรถถอยหลัง ควรตรวจให้แน่ใจว่ารถจอดสนิทแล้วก่อนที่จะเข้าหรือออกจากตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง ให้เลื่อนคันเกียร์ไปที่เครื่องหมายตัว “R” และตรวจดูบริเวณด้านหลัง/โดยรอบรถว่ามีสิ่งกีดขวางหรือไม่ จากนั้นค่อยๆ ถอนเท้าออกจากเบรกและเหยียบคันเร่ง

***เมื่อเลี้ยวรถขณะอยู่ในเกียร์ถอยหลัง รถจะหมุนทิศทางเดียวกันกับที่หมุนพวงมาลัย

  1. ใช้เกียร์ว่าง (Neutral) : เกียร์ว่างจะใช้เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมความเร็วของรถเท่านั้น ไม่ใช่เมื่อขับขี่ตามปกติ ตัวอย่างเช่น เมื่อจอดรถโดยเดินเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบาเป็นเวลาสั้นๆ หรือเมื่อดันรถ/ลากพ่วง

3.ใช้เกียร์ต่ำ : ตำแหน่งเกียร์ที่เป็นตัวเลข “1,” “2,” และ “3” นั้นเรียกว่าเกียร์ต่ำ ตำแหน่งเกียร์เหล่านี้จะสามารถทำงานเป็นระบบเบรกโดยอาศัยแรงฉุดจากเครื่องยนต์ได้เมื่อเรายังไม่จำเป็นต้องใช้เบรกจริงๆ การใช้เทคนิคนี้เหมาะกับการขับรถลงเขาที่มีความสูงชัน อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งเกียร์ 1 จะใช้เมื่อจำเป็นต้องเคลื่อนรถด้วยความเร็วที่ช้ามาก ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องหยุดรถเมื่อเปลี่ยนไปมาระหว่างตำแหน่งเกียร์เหล่านี้และเกียร์เดินหน้าปกติ (D)

ขับรถยนต์เกียร์ออโต้ใช้เท้าเดียวหรือทั้งสองเท้า แบบไหนปลอดภัยกว่า ?

โดยเกียร์ออโต้มีแป้นควบคุมเพียง 2 แป้น คือ แป้นคันเร่งและแป้นเบรกนั้น ระหว่างแป้นคันเร่งและเบรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หลายคนอาจะเกิดข้อสงสัยว่า จะต้องใช้ เท้าซ้าย เหยียบแป้นเบรก ดีหรือไม่ หรือใช้ เท้าขวา เหยียบแป้นเบรกดี

คำตอบ คือ การใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่ง และเท้าซ้ายเหยียบเบรก อาจทำให้มีโอกาสที่ผู้ขับขี่จะเหยียบแป้นคันเร่งและแป้นเบรกไปพร้อมๆ กัน แม้ว่ารถจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่ได้มีการชะลอความเร็วลงก็ตาม ซึ่งกรณีนี้เป็นอันตรายต่อรถที่วิ่งตามมาข้างหลัง เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่ารถมีการเบรกจริงๆ เมื่อใด อีกกรณีหนึ่งที่ควรระวัง คือ หากเกิดกรณีฉุกเฉินที่ต้องหยุดรถกะทันหัน อาจเผลอเหยียบแป้นคันเร่งและแป้นเบรกไปพร้อมๆ กัน ทำให้ใช้ระยะเบรกมากกว่าที่ควรจะเป็น และอาจลงเอยด้วยอุบัติเหตุในที่สุด

ขอขอบคุณ : carsome , th-bigbike และ ไทยนิวส์

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ มาสิ ได้เอามาอัพเดทให้ทุกคนไปเตรียมพร้อมกัน นอกจากนี้ ด้วยยุคนี้สมัยนี้สภาพอากาศฤดูกาลแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องของการดูแลรักษาเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นให้กับรถเราเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นแล้ว เราควรเสริมความคุ้มครองด้วย ประกันรถยนต์ เพราะจะได้ความคุ้มครองครบ แถมอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา วันนี้ มาสิ จะเอาประกันรถยนต์ไหนมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันบ้างนั้นไปดูกัน

ประกันรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price

เจมาร์ท
jaymart insurance

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price เป็นโปรโมชั่นดีๆจาก Jaymart insurance ที่ เปิดให้รถยนต์ส่วนบุคคล (รถเก๋ง) รถกระบะ สมัครประกันรถยนต์ ชั้น 1 ได้ในราคาเดียวกัน และมีบริการพิเศษบนท้องถนน หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครอง มีดังนี้

รายละเอียดความคุ้มครองประเภท 1 รถเก๋ง 110 (5 ที่นั่ง)/กระบะ 320 (3 ที่นั่ง)
ความรับผิดต่อบุคคคลภายนอก
ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ อนามัย ไม่เกิน (บาท/คน) 500,000
วงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. ไม่เกิน (บาท/คน) 10,000,000
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่เกิน (บาท/คน) 1,000,000
ความเสียหายต่อรถยนต์
ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ (บาท/ครั้ง) 200,000
รถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ 200,000
ความคุ้มครองของเอกสารแนบท้าย
การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (บาท/คน) 100,000
การประกันภัยค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (บาท/คน) 100,000
การประกันตัวผู้ขับขี่(บาท/ครั้ง) 300,000
เบี้ยสุทธิ(บาท/ปี) 11,077
เบี้ยประกันรวมภาษีและอาการ (บาท/ปี) 11,900.54
เงื่อนไขการรับประกัน ประกันภัยรถยนต์
  1. รับประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ซ่อมอู่
  2. ทุนประกันภัยไม่เกิน 80% ราคาตลาด ณ วันขอทำประกันภัย
  3. คุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งไม่เกิน 20,000 บาท
  4. รถยนต์ที่รับประกันภัยตามเอกสารแนบและเบี้ยประกันภัยนี่เป็นอัตราเบี้ยที่คงที่
  5. ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย
  6. ไม่รับประกันภัยรถยนต์นำเข้า,รถซุปเปอร์คาร์,รถเช่า,รถรับจ้าง,รถรับจ้างสาธารณะ,รถมูลนิธิ,รถพยาบาล,รถฉุกเฉินทุกชนิด,เป็นต้น รวมถึงรถทะเบียน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ยะลา ปัตตานี นราธิวาส)
  7. ไม่รับประกันรถที่มีการปรับเปลี่ยน ดัดแปลงสภาพจากมาตรฐานโรงงาน เช่น โหลดสูง โหลดต่ำ ติดเกย์วัดความเร็ว,ติดเคฟร่า ติดตั้งโครงเหล็ก,คอก หลังคา ,ตู้
  8. อายุการใช้งานรถ ให้นำ ปีปัจจุบัน ลบ ด้วยปีจดทะเบียนรถ +1
  9. รับประกันภัยสำหรับรถที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 15 ปี
  10. เอกสารประกอบการทำประกันภัย ได้แก่ 1) สำเนาบัตรประชาชน 2) สำเนาเล่มทะเบียนรถ
รถยนต์ที่รับ ประกันภัยรถยนต์
  • FORD: EcoSport, Escape, Everest, ranger, Focus, Fiesta
  • HONDA : Accord, Amaze, Brio, BR-V, City, Civic, CR-V, HR-V, Jazz, Mobilio
  • ISUZU: MU-7,MU-X,D-MAX
  • MAZDA:  2,3,BT-50,CX-3
  • MITSUBISHI: Attrage, Mirage, Pajero Sport,Triton
  • NISSAN: Almera, Frontier, Juke, march, Navara, Sunny, Sylphy, Teana, Tiida, X-Trail
  • TOYOTA :Avanza, Camry, Corolla Altis, Corolla Cross, Fortuner, Innova, Revo, Sienta, Wish, Vigo, Vios, Yaris
บริการฉุกเฉินบนท้องถนน

สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price นั้นจะมีบริการฉุกเฉินบนท้องถนนด้วยครับ ซึ่งสามารถใช้ได้เวลาที่รถของเรามีปัญหา เช่น รถยนต์เสีย ยางรั่ว ยางแบน หรือ ลืมกุญแจรถยนต์ น้ำมันหมด ก็ติดต่อ02-099-0555 กด 2 ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์คอยให้บริการประสานงานบริการฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงครับ มีการบริการ ดังนี้

  • บริการรถยกฉุกเฉินบนท้องถนน หากรถเสียหรือมีปัญหา จะมีบริการรถลากยกฉุกเฉินนำรถของคุณไปยังอู่ซ่อมรถที่ใกล้ที่สุดใน 35 กิโลเมตร (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการช่างซ่อมกุญแจรถ (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการเติมน้ำมันฉุกเฉินไม่เกิน 5 ลิตร (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการจองโรงแรมร้านอาหารตั๋วเครื่องบิน รถเช่าและคนขับส่วนตัว(2 ครั้งต่อปี)
  • บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ด้านเทคนิค กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์

_____________________________________________

Please become Masii Fan

Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh

Website: masii.co.th

Blog: https://masii.co.th/blog

Line: @masii

Tel: 02 710 3100 

Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh

Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri

Twitter: twitter.com/MasiiGroup

#สินเชื่อ #ประกัน#รถแลกเงิน #บ้านแลกเงิน #สินเชื่อส่วนบุคคล

#บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์

#กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน #เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii

#มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า

#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison