ชนแล้วหนี …! ใครจะรับผิดชอบ?

เรื่องของการใช้รถกับการเกิดอุบัติเหตุถือเป็นของคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแล้วแต่ในบางครั้งก็ยังเกิดอุบัติเหตุ ดังคำ “เราระวังแล้ว แต่คนอื่นไม่ระวัง” หากไม่บาดเจ็บหรือบาดเล็กน้อยก็ดีไป แต่หากบาดเจ็บหนักขึ้นมา ก็จะเกิดคำถามตามมาว่า “ใครจะรับผิดชอบ” หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็ต้องคู่กรณีใช่ไหมครับ? ซึ่งถ้ามีคู่กรณีก็ดีไป แต่ถ้าหาคู่กรณีไม่ได้ล่ะ เราก็ “โดน ชนแล้วหนี ไง” ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ

วันนี้เราจะพาไปดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรณี “ชนแล้วหนี” กันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อประสบเหตุนี้และมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง

“พรบ.จราจรทางมาตรา 78 บัญญัติว่า ผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดรถให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม”

ซึ่งหากว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วเราปฏิบัติตามพรบ.จราจรทางมาตรา 78 ก็ไม่ต้องกลัวไปว่าเราจะเป็นคนผิด เพราะต้องมาพิจารณาหาสาเหตุของอุบัติเหตุอีกที เพื่อหาฝ่ายผิดจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนกฏหมาย ที่จะมีประกันภัยรถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในส่วนของการจ่ายค่าสินไหมทดแทน

แต่หากว่าเราชนแล้วหนีล่ะจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

ในกรณีที่เรา (ผู้ขับขี่) เกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น แล้วเราไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ทางกฏหมายจะสันนิษฐานว่าเรา “ชนแล้วหนี” ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมายและเป็นคดีอาญา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่เราขับหลบหนี

หากเราหรือผู้ครอบครอง ไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้กระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิดและให้ตกเป็นของรัฐ

หากเราหลบหนีแล้วโดนจับได้หรือเข้ามอบตัวเองในภายหลังก็จะมีบทลงโทษดังนี้

พรบ.จราจรทางมาตรา 160 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือเสียชีวิต ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีที่ชนแล้วหนีกฎหมายกำหนดโทษแห่งการหนึ่งดังกล่าวตาม พ.ร.บ จราจรทางบกมาตรา 78 ประกอบมาตรา 160 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ส่วนขับรถโดยประมาทก็ว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง

โดยบทลงโทษนี้จะแยกจากคดีที่เกิดอุบัติเหตุอีกทีนะครับ หรือง่ายๆว่าถ้าเราชนแล้วหนี เราจะมีคดีติดตัวเพิ่มมาอีกคดีฟรีๆ นั่นเอง แต่ดูจากบทลงโทษแล้วคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะโดนแน่ๆ เมื่อเรารู้บทลงโทษไปแล้วเราก็มาดูกันว่า วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นควรทำตัวอย่างไร

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อขับรถชนคือ “ตั้งสติ และ อย่าหนี” เพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้น ผู้ทำผิดไม่ใช่อาชญากร เราจึงควรที่จะอยู่รับความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หากเราเลือกที่จะหลบหนี แล้วในอุบัติเหตุเกิดมีผู้เสียชีวิต เราก็จะต้องหลบหนีถึง 15 ปี เลยทีเดียว รวมถึงอาจจะเจอข้อหาอื่นๆ เพิ่มอีกด้วย แต่หากเราให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ มอบตัวเพื่อสู้คดี บางทีผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้ เช่น บางคดีอาจยอมความกันได้ หรือ ศาลปราณีลดโทษให้ตามความถูกต้องเหมาะสม

และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วเราเจอผู้บาดเจ็บสามารถติดต่อศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ฉุกเฉินไทยเพื่อให้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เบอร์ติดต่อ : ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ฉุกเฉินไทย โทร 1669 ให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ

สิ่งนี้ที่นำมาเสนอในวันนี้ถือเป็นความรู้เบื้องต้นในการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อให้ทุกคนไม่ตื่นตกใจ แต่ถึงกระนั้น การปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดและใช้รถอย่างมีสติ มีน้ำใจต่อกัน จะช่วยให้เราปลอดภัยและห่างไกลจากอุบัติเหตุได้ดีที่สุดครับ

ส่วนใครสนใจเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ สามารถเช็คเบี้ยประกันฟรี! ที่ “มาสิ”
ไม่ต้องกรอกเบอร์ ก็เทียบได้ง่ายๆ ลองเข้ามาใช้กัน https://masii.co.th/thai/car-insurance

ส่วนใครที่ต้องการเปรียบเทียบบัตรเครดิตว่าบัตรใบไหนตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด สามารถเปรียบเทียบได้เลยที่ https://masii.co.th/thai/credit-card
ส่วนคนที่สนใจเปรียบเทียบสินเชื่อบุคคล เข้ามาได้เลยที่ https://masii.co.th/thai/loan