ประกาศแล้วหญิงยุติการตั้งครรภ์ได้ ตั้งอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ ต้องตรวจ-ปรึกษาแพทย์ก่อน

โดย

05/10/2022

สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

ว่ากันว่าการมีลูกก็เหมือนมีโซ่ทองครองใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ไว้ และถือได้ว่าเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่การที่ชีวิตหนึ่งได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ที่สดใส สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่อุตส่าห์ฟูมฟักเฝ้าทะนุทะนอมกันมากว่าจะเกิดได้เป็นคนหนึ่งคนขึ้นมา แต่ก็น่าแปลกที่คู่รักบางคู่พร้อมและตั้งตารอนักหนาที่อยากจะมีลูกน้อยมาเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความรักความอบอุ่นให้กับครอบครัว แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสะเหลือเกิน ทั้งทำพิธีต่าง ๆ ตามความเชื่อ หรือแม้แต่พึ่งเทคนิคต่างๆ ทางเทคโนโลยีการแพทย์ ก็ยากเหลือเกินกว่าที่จะมีลูกคนหนึ่งได้ ผิดกันกลับบ้างคู่บางครอบครัวไม่ได้มีความตั้งใจ หรือมีความพร้อมที่เพียงพอเท่าที่ควรกลับมีลูกออกมาได้ง่าย ซึ่งแม้จะสร้างความหนักใจแต่ก็ต้องใช้และรับผิดชอบกับหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นมา แต่คงดีกว่าไม่ใช่น้อยที่หนึ่งชีวิตที่จะเกิดขึ้นมา ได้อยู่ในสังคมที่พร้อม ครอบครัวที่มีการซัพพอร์ตที่ดี ชีวิตเด็กคนหนึ่งคงได้โตขึ้นมาเป็นบุคคลกรที่มีคุณภาพ ดังนั้นแล้ว คู่รักทั้งหลายก็ควรที่จะทำตัวเองให้พร้อมก่อนที่จะมีลูกสักคน และที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้สำหรับใครที่ได้ติดตามข่าวสาร คงได้ยินข่าวกับการที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือกในการยุติการตั้งครรภ์ ปี 2565 ระบุว่าให้หญิงตั้งครรภ์เกิน 12-20 สัปดาห์ ตรวจและรับปรึกษาก่อนยุติการตั้งครรภ์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เหตุการ์ไหนที่ข้าข่ายบ้างนั้น ตาม มาสิ ไปอัพเดทกัน

ประกาศหญิงยุติการ ตั้งครรภ์ ได้ ตั้งอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ ต้องตรวจ-ปรึกษาแพทย์ก่อน

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับ ThaiPBS ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือกในการยุติการ ตั้งครรภ์ ตามมาตรา 305 (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2565 โดยได้เผยแพร่ในในราชกิจจานุเบกษาเมื่อที่ 26 ก.ย.2565 และจะมีผลบังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันประกาศ

ประกาศฉบับนี้ ได้การวางแนวปฏิบัติ รองรับมาตรา 305 (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่กำหนดให้หญิงซึ่งมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่หญิงนั้นต้องได้รับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยคำแนะนำแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หญิงนั้นได้รับข้อมูลที่รอบด้านก่อนการตัดสินใจยุติการ ตั้งครรภ์

ตามประกาศฯ ได้กำหนดขั้นตอนการเข้ารับคำปรึกษาทางเลือก โดยหญิงซึ่งมีอายุครรภ์ตามกำหนดสามารถแจ้งความประสงค์ต่อหน่วยบริการปรึกษาทางเลือก (ซึ่งกรมอนามัยจะประกาศรายชื่อให้ทราบต่อไป) เพื่อเข้ารับคำปรึกษาโดยจะแจ้งผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งก็ได้ ทั้งแจ้งด้วยตนเอง เป็นหนังสือ ทางโทรศัพท์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์

หากหน่วยบริการฯ ดำเนินการตรวจวินิจฉัยอายุครรภ์แล้ว อายุครรภ์ เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ ให้ดำเนินการให้คำปรึกษาทางเลือก, อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ หากหญิงยืนยันจะยุติการตั้งครรภ์ ให้ดำเนินการเพื่อให้หญิงได้รับการยุติการ ตั้งครรภ์ ตามข้อบังคับแพทยสภา, อายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์ ให้หน่วยบริการฯ ดำเนินการเพื่อให้หญิงได้รับการดูแลช่วยเหลือหรือได้รับการจัดสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมแก่การตั้งครรภ์และเลี้ยงดูบุตรต่อไป

ด้านนพ.พีรยุทธ สานุกูล ผอ.สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กล่าวถึงกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้มีการยุติการตั้งครรภ์ในหญิงที่มีอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ ว่า กฎหมายยุติการตั้งครรภ์เดิมมีมาตั้งแต่ปี 2563 ที่อนุญาตให้ยุติการตั้งครรภ์ของคนไข้ได้ จากกรณีที่มีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงสิทธิเนื้อตัวร่างกายของหญิงที่ตั้งครรภ์ที่สามารถตัดสินใจได้ โดยศาลวินิจฉัยและมอบให้คณะรัฐมนตรีนำไปแก้ไขผ่านระบบสภาให้แล้วเสร็จใน 360 วัน จากนั้น ครม.ได้มีมติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยมีคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไข ซึ่งมีการแก้ไขมาตรา 301 โดยระบุว่า หญิงใดที่ยุติการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ไม่มีความผิด และแก้ไขมาตรา 305 ข้อบ่งชี้ในการตั้งครรภ์ จากเดิมมีข้อบ่งชี้ 2 ข้อ คือ (1) การตั้งครรภ์ทำให้มารดามีอันตรายถึงชีวิต และ (2) กรณีถูกละเมิดทางเพศ ข่มขืนจนเกิดการตั้งครรภ์ ก็เพิ่มข้อบ่งชี้มาอีก 3 ข้อ คือ (3) หากตั้งครรภ์ต่อไปแล้วคลอดออกมาพบปัญหาทุพพลภาพร้ายแรง เช่น กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ผิดปกติของอวัยวะ (4) การยุติการตั้งครรภ์อายุต่ำกว่า 12 สัปดาห์สามารถทำได้ โดยแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งประเด็นเหล่านี้ทางแพทยสภาได้ออกเกณฑ์การปฏิบัติแล้ว

นอกจากนี้ นพ.พีรยุทธกล่าวว่า ประเด็นสำคัญของประกาศกระทรวงฯ ฉบับล่าสุด คือ มาตรา 305(5) กรณีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ ที่จะยุติการตั้งครรภ์ต้องมีการปรึกษาแพทย์และมีทางเลือกให้มารดาว่าจะทำหรือตั้งครรภ์ต่อ มีการคุยถึงวิธีการทำ และการดูแลหลังการทำ รวมถึงกรณีเด็กนักเรียนที่ต้องได้รับการดูแลจากโรงเรียนต่อ กรณีผู้ที่เปลี่ยนใจและตั้งครรภ์ต่อก็จะเข้าไปสู่กระบวนการตามนโยบาย คือ เด็กตั้งครรภ์ต้องได้เรียน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีระบบทำให้เด็กจบตามกำหนด ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาดูแลเด็กเดือนละ 2 พันบาท หากเป็นการละเมิดทางเพศ กระทรวงยุติธรรมก็ต้องเข้ามาดูแล ที่ผ่านมาการยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทยมีมาก แต่มักทำใต้ดินซึ่งอันตราย กรณีที่เข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาพบว่า กว่า 50% เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อจนคลอดก็จะมีการดูแลต่อ

บอกได้เลยว่าแม้จะมีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนสำหรับการยุติการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม แต่บอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีต่อร่างกายของผู้หญิงแน่ ๆ เมื่อมีต้องมีการยุติการตั้งครรภ์บ่อย ดังนั้นแล้ว ยุคนี้สมัยนี้ ด้วยความที่เทคโนโลยีนั้นก้าวหน้า และการศึกษาที่ก้าวไกล อย่ารอให้ถึงขั้นต้องต้องท้องแล้วไปยุติการตั้งครรภ์ก่อน เมื่อรู้ว่าตนเองยังไม่พร้อมก็ควรที่จะรู้จักป้องกันตัวเองทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งการป้องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่เพียงแค่การที่เราจะสามารถป้องกันการต้องครรภ์ได้เท่านั้น หากเรามีการป้องกันที่ถูกกวิธีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ เราก็จะห่างไกลและป้องกันได้ด้วย

สำหรับวันนี้ มาสิ ก็เอาข่าสารมาอัพเดทให้ทุกคนได้ทราบกันแต่เพียงเท่านั้น อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น เพื่ออนาคตที่สดใส ไม่เพื่อตัวเองก็เพื่อเด็กสักคนที่จะเกิดมา ดังนั้น เราควรตั้งครรภ์เมื่อพร้อม และดีกว่าที่จต้องมายุติการตั้งครรภ์ภายหลัง และอย่างที่ทุกคนได้คุ้นชิน มาสิ ก็ไม่เพียงแค่ขนสาระดี ๆ มาอัพเดทให้ทุกคนได้อ่านกันเท่านั้น สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ที่มีความพร้อมและมีแพลนวางแผนที่จะมีลูกกัน มาเสริมความคุ้มครองให้การตั้งท้องนี้ของคุณแม่ให้เต็มที่ กับ ประกันสุขภาพสำหรับคุณแม่ จาก Aetna ที่มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูง ทั้งยังครอบคลุมการเจ็บป่วย และ อุบัติเหตุ ส่วนจะมีรายละเอียดความคุ้มครองหรือเงื่อนไขการให้บริการอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกัน

ประกันภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือ ประกันคุณแม่ตั้งครรภ์

แผน บียอนด์เพอร์ซันนัลแคร์ จาก Aetna

เอ็ทน่า ประกันภัย — ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care )

และสำหรับว่าที่คุณแม่คนไหนที่เพิ่งตั้งครรภ์ สามารถทำประกันสุขภาพ หรือ ประกันคุณแม่ตั้งครรภ์ แผน บียอนด์เพอร์ซันนัลแคร์ ของ เอ็ทน่า เป็น ประกันสุขภาพ ที่มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูง ทั้งยังครอบคลุมการเจ็บป่วย และ อุบัติเหตุ โดยประกันตั้งครรภ์สำหรับว่าที่คุณแม่ จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของค่าใช้จ่ายบางส่วนตามกรมธรรม์กำหนด ทั้งในกรณีการคลอดปกติ การผ่าคลอด การคลอดโดยใช้เครื่องมือ การตั้งครรภ์นอกมดลูก การผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อคลอดลูก การแท้งบุตร ทั้งยังครอบคลุม ค่าคลอดบุตร และ ภาวะคลอดฉุกเฉิน ทำให้อุ่นใจมากขึ้น