สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น

สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น
สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

สวัสดีครับ เชื่อว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไปใช้ชีวิต หรือกำลังไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบายนี้ สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลานะครับ และถ้าหากเพื่อนๆล้มป่วยระหว่างอยู่ญี่ปุ่น ก็คงไม่ดีเป็นแน่ เพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ครั้นจะไปโรงพยาบาลหรือพูดคุยกับหมอ ก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร พูดภาษาญี่ปุ่นก็ไม่เป็น ค่ารักษาต้องแพงแน่นอน เพื่อไม่ให้ต้องกังวลกับปัญหาเหล่านี้ การเตรียมตัวก่อนที่เราจะล้มป่วยขึ้นมาจริงๆนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเพื่อนๆรู้ถึงระบบโรงพยาบาลและภาพรวมขั้นตอนระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นแล้ว จะช่วยให้เพื่อนๆอุ่นใจได้มากขึ้นว่า เราควรต้องทำอย่างไรบ้าง กรณีที่เราเกิดไม่สบายขึ้นมาจริงๆ ดังนั้น ตามไปดูกันเลยครับ

สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น

 

ข้อดีของระบบสาธารณสุขญี่ปุ่น

ถ้าเพื่อนๆเป็นผู้ที่อยู่อาศัยและทำงานในประเทศในญี่ปุ่น เพื่อนๆก็จะได้รับบริการทางด้านสาธารณสุขที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประกันสุขภาพด้วย เพื่อนๆ จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพียงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของราคาเต็มเท่านั้น หรือหากเป็นหวัด จะไปหาหมอที่คลินิก ก็อาจจะจ่ายค่ารักษาเพียงแค่ประมาณ 2,000 เยน หรือประมาณ 600 บาท แต่ถ้าหากเพื่อนๆเป็นนักท่องเที่ยว แนะนำให้ทำประกันเดินทางต่างประเทศติดตัวไว้ ก็จะสามารถช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้จำนวนหนึ่งเลยนะครับ

อีกเรื่องที่เป็นข้อดีสำหรับระบบสาธารณสุขญี่ปุ่นก็คือ ในกรณีที่เพื่อนๆล้มป่วยด้วยเหตุฉุกเฉิน เพื่อนๆสามารถเรียกรถพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากค่ารักษาพยาบาลภายหลังจากถึงโรงพยาบาลแล้ว ดีจริงๆเลยครับ

สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น

ข้อเสียหากล้มป่วย

สิ่งเดียวที่ดูยุ่งยากถ้าเพื่อนๆมาป่วยเอาที่ญี่ปุ่น นั่นก็คือ คลินิกแต่ละแห่งในญี่ปุ่นนั้น มีความเฉพาะทางสูงมาก จนเราไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าคลินิกไหนถึงจะถูก ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนๆ ต้องไปหาหาหมอในคลินิกแห่งหนึ่ง พร้อมแจ้งอาการไป คุณหมอก็อาจจะบอกว่า ที่นี่ไม่ได้รับรักษาโรคที่เรากำลังเป็นอยู่ ให้ไปหาหมอที่คลินิกอีกที่ที่เฉพาะทางด้านนี้ เมื่อเจอแบบนี้ ก็ย่อมมีหัวร้อนเป็นธรรมดาเพราะว่าเราก็จะต้องเสียเวลาเดินทางไปยังคลินิกอีกแห่ง แถมต้องมานั่งกรอกแบบฟอร์มคนไข้ใหม่ แล้วต่อคิวอีก ตอนป่วยแบบนี้เราก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วละครับ

สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น

ขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

เพื่อนๆสามารถโทรหาเบอร์รถพยาบาลได้ที่หมายเลข 119 ซึ่งสามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น โดยจะต้องให้ข้อมูลว่า ณ ตอนนี้เราอาศัยอยู่ที่ใด หรืออยู่ตรงส่วนไหนของเมือง พร้อมทั้งให้ข้อมูลมากสุดเท่าที่เป็นไปได้เกี่ยวกับ อาการ หรือสถานะของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่จะจัดส่งรถพยาบาลมาหาเพื่อนๆพร้อมกับ ทีมกู้ชีพเพื่อประเมินอาการ โดยถ้าหากเพื่อนๆจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จะถามว่าเรามีโรงพยาบาลที่ต้องการจะไปหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาจะตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลให้เพื่อนๆ เอง และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำตัวของเพื่อนๆ ไปที่แผนกประเมินเหตุฉุกเฉิน โดยเจ้าหน้าที่จะพยายามสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เราไม่ตกใจและมีสติ แต่อย่างไรก็ดี พี่หมีขอแนะนำว่า หากเพื่อนๆจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรพาคนรู้จักติดไปด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้แปลภาษาญี่ปุ่นให้กับเรา และอธิบายคำพูดของหมอได้ครับ อย่างไรก็ดีไม่ต้องตกใจไป หรือกลัวว่าโรงพยาบาลที่เพื่อนๆไปนั้นจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เพราะยังมีโรงพยาบาลหลายที่ที่พูดได้ครับ หรือสามารถเลือกใช้บริการโรงพยาบาลแบบตะวันตกที่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบ้าง แต่ก็เรียกความอุ่นใจขึ้นได้อีกเปลาะหนึ่งครับ

 

สรุป สิ่งที่เพื่อนๆควรปฏิบัติเวลาล้มป่วยหรือไม่สบายเมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นก็คือ:

  • ทำประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศติดตัวไว้ จะได้คุ้มครองค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลได้ครับ
  • อย่าเกรงใจที่จะถามพนักงานว่า มีพนักงานพูดภาษาอังกฤษสามารถเข้ามาสื่อสารกับเราได้หรือไม่
  • ถ้าเป็นไปได้ ให้พาคนรู้จักที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไปกับคุณด้วย โดยเฉพาะเวลาคุณหมอต้องบอกผลอาการป่วยครับ

สิ่งที่ควรทำ เมื่อไป “ล้มป่วย” ตอนอยู่ญี่ปุ่น

ระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นนั้นถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีที่สุดในโลก ถ้าหากเพื่อนๆได้เข้ารับบริการ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับว่าพวกเขาจะดูแลเพื่อนๆไม่ดี อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเพื่อนๆ มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและไม่อยากจะเสี่ยง ก็อย่าลืมทำประกันเดินทางต่างประเทศตัวไว้เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น จะได้มีประกันคุ้มครองครับ เพื่อนๆสามารถเปรียบเทียบแผนประกันได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยนะครับ