เทียบให้ชัด! รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์น้ำมัน แบบไหนดีกว่ากัน…พร้อมแนะนำเสริมความคุ้มครองในการดูแลรถกับ ประกันรถยนต์ คุ้มครองครบ

ประกัยนรถยนต์
เทียบให้ชัด! รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์น้ำมัน แบบไหนดีกว่ากัน…พร้อมแนะนำเสริมความคุ้มครองในการดูแลรถกับ ประกันรถยนต์ คุ้มครองครบ
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

ทุกวันนี้เรียกได้ว่าผู้ที่ต้องการมีรถยนต์ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันสักคัน มีตัวเลือกที่หลากที่สามารถเลือกให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถ City Car, CRV, VAN, Alphard car รถใช้น้ำมัน รถไฮรบริด หรือรถใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเลือกใช้รถก็มักที่จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นด้วย อย่างเช่นในยุคนี้เทรนด์นี้ กระแสความนิยมในส่วนของการเลือกรักษ์โลกเริ่มที่จะได้รับความนิยมกันมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยมตามไปด้วย ประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวน และเริ่มที่จะมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันจึงยิ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้คนเลือกที่จะมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันเข้าไปอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนก็อาจจะยังเกิดข้อสงสัยและลังเลกันอยู่ว่า จะเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์น้ำมันตามเดิมดีกว่ากัน วันนี้ มาสิ จึงได้รวบรวมข้อดีและข้อเสียมาเทียบกันกันชัดไปเลยว่าแบบไหนดีกว่ากัน พร้อมกันนี้มาเสริมความคุ้มครองรถยนต์แสนรักด้วย ประกันรถยนต์ ที่จะให้ความคุ้มครองครบ แถมอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามมาดูกัน

เทียบให้ชัด! รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์น้ำมัน แบบไหนดีกว่ากัน…พร้อมแนะนำเสริมความคุ้มครองในการดูแลรถกับ ประกันรถยนต์ คุ้มครองครบ

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV (Electric Vehicle) คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งทำงานเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ และจะส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์ของตัวรถให้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้

ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยกระแสความนิยมในส่วนของการเลือกรักษ์โลกเริ่มที่จะได้รับความนิยมกันมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวน และเริ่มที่จะมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน จึงทำให้ในปัจจุบันมีหลายค่ายที่นำเอารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตีตลาดในไทยนั้น ดังนั้น วันนี้ มาสิ จึงได้รวบรวมข้อดีและข้อเสียมาเทียบกันกันชัดไปเลยว่าจะเปลี่ยนมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์น้ำมัน แบบไหนดีกว่ากัน

รถยนต์น้ำมัน

มาเริ่มกันที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนกันด้วยพลังงานเชื้อเพลิงหรือรถยนต์น้ำมันซึ่งเป็นรถยนต์ที่หลายคนคุ้นเคยหรือเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน ซึ่งข้อดีข้อเสียของรถยนต์น้ำมัน มีดังนี้

ข้อดีของรถยนต์น้ำมัน

  • เติมน้ำมันได้ทุกที่ สามารถขับหรือเดินทางได้ทุกเส้นทางเพราะปั๊มน้ำมันมีอยู่ทุกที่ ทุกเมือง ทุกจังหวัด อีกทั้งยังเติมได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องคอยนานเหมือนการชาร์จไฟ
  • มีอะไหล่หรือชิ้นส่วนให้เปลี่ยนมากมาย หาง่าย และสามารถปรับแต่งหรือเพิ่มเติมชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าและหาซื้อได้ง่ายกว่าอีกด้วย
  • ราคาถูก รถยนต์ใช้น้ำมันมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เราได้เลือกสรร อีกทั้งบางรุ่นก็มีราคาที่ถูกกว่ารถ EV อย่างเห็นได้ชัด

ข้อเสียของรถยนต์น้ำมัน

  • สร้างมลภาวะทางอากาศ รถใช้น้ำมันจะสร้างมลพิษจากควันที่ออกมาจากท่อไอเสีย ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงต่อธรรมชาติและสุขภาพของเรา
  • น้ำมันแพง อย่างที่ทราบกันดีว่าราคาน้ำมันในยุคปัจจุบันนี้กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ นี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้รถต้องคอยแบกรับและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  • เสียงเครื่องยนต์ดัง รถใช้น้ำมันจะมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกว่ารถ EV ทำให้สร้างมลพิษทางเสียงได้มากกว่าหลายเท่า

รถยนต์ไฟฟ้า

อีกหนึ่งรถยนต์ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาในปัจจุบัน ซึ่งข้อดีข้อเสียของรถยนต์น้ำมัน มีดังนี้

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

  • ชาร์จไฟถูกกว่าเติมน้ำมัน หากขับขี่ในระยะทางที่เท่ากัน รถ EV จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารถใช้น้ำมัน ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ อายุการใช้งาน รุ่นของรถ และพฤติกรรมในการขับขี่
  • ชาร์จเองที่บ้านได้ หากติดตั้งเครื่องชาร์จไฟที่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เราก็สามารถชาร์จไฟเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องขับออกไปไหน
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถ EV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทำให้ตัวรถไม่สร้างมลพิษเหมือนรถที่ใช้น้ำมัน ถือว่าเป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
  • มีเสียงเงียบ เบา ไม่มีเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ เพราะรถ EV ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ตัวรถมีเสียงที่เบาและเงียบกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน
  • มีการออกตัวและอัตราเร่งที่ดีกว่ารถยนต์น้ำมัน เนื่องจากรถ EV ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าก็ทำให้มีอัตราเร่งและการออกตัวที่ดีกว่ารถใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า

  • จุดบริการชาร์จไฟยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ตอบโจทย์ต่อการเดินทางไกลหรือในบางสถานที่ที่ไม่มีจุดชาร์จคอยให้บริการ
  • ใช้เวลาชาร์จไฟนาน การชาร์จไฟแต่ละครั้งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความจุของตัวแบตเตอรี่หรือรุ่นของรถ
  • อะไหล่แพง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ชิ้นส่วนอื่น ๆ ก็มีให้เปลี่ยนได้ไม่มาก ขาดความหลากหลาย ไม่สามารถปรับแต่งหรือทดแทนได้เท่าที่ควร
  • มีระยะการขับที่สั้นกว่ารถใช้น้ำมัน คนใช้รถ EV จำเป็นต้องคำนวณเส้นทางหรือระยะเวลาในการขับขี่ให้ดี ว่าพลังงงานไฟฟ้าจะเพียงพอต่อการเดินทางหรือไม่ ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความจุของตัวแบตเตอรี่ว่าสามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากขนาดไหน
  • เบี้ยประกันภัยแพง และไม่สามารถครอบคลุมในการเคลมได้ทั้งหมดหากเกิดความเสียหายของรถยนต์ เท่าที่ควร

และนี่ก็เป็นข้อดีข้อเสียของทั้งรถยนต์น้ำมัน และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง หรือรถยนต์ไฟฟ้า ต่างก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน สำหรับการใช้งานจึงจำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้รถนั้นเน้นจุดใดเป็นสำคัญ โดยหากเน้นการขับขี่ในระยะทางใกล้ ๆ ประหยัดค่าใช้จ่าย รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หากเน้นการขับขี่ทางไกล และคำนึงถึงความสะดวกรวดเร็ว รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และคุ้มค่ามากกว่า

ขอขอบคุณ : Car2Day

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ มาสิ ได้เอามาอัพเดทให้ทุกคนไปเตรียมพร้อมกัน นอกจากนี้ ด้วยยุคนี้สมัยนี้สภาพอากาศฤดูกาลแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องของการดูแลรักษาเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นให้กับรถเราเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นแล้ว เราควรเสริมความคุ้มครองด้วย ประกันรถยนต์ เพราะจะได้ความคุ้มครองครบ แถมอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา วันนี้ มาสิ จะเอาประกันรถยนต์ไหนมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันบ้างนั้นไปดูกัน

ประกันรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price

เจมาร์ท

 

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price เป็นโปรโมชั่นดีๆจาก Jaymart insurance ที่ เปิดให้รถยนต์ส่วนบุคคล (รถเก๋ง) รถกระบะ สมัครประกันรถยนต์ ชั้น 1 ได้ในราคาเดียวกัน และมีบริการพิเศษบนท้องถนน หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครอง มีดังนี้

รายละเอียดความคุ้มครองประเภท 1 รถเก๋ง 110 (5 ที่นั่ง)/กระบะ 320 (3 ที่นั่ง)
ความรับผิดต่อบุคคคลภายนอก
ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ อนามัย ไม่เกิน (บาท/คน) 500,000
วงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. ไม่เกิน (บาท/คน) 10,000,000
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่เกิน (บาท/คน) 1,000,000
ความเสียหายต่อรถยนต์
ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ (บาท/ครั้ง) 200,000
รถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ 200,000
ความคุ้มครองของเอกสารแนบท้าย
การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (บาท/คน) 100,000
การประกันภัยค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (บาท/คน) 100,000
การประกันตัวผู้ขับขี่(บาท/ครั้ง) 300,000
เบี้ยสุทธิ(บาท/ปี) 11,077
เบี้ยประกันรวมภาษีและอาการ (บาท/ปี) 11,900.54
เงื่อนไขการรับประกัน ประกันภัยรถยนต์
  1. รับประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ซ่อมอู่
  2. ทุนประกันภัยไม่เกิน 80% ราคาตลาด ณ วันขอทำประกันภัย
  3. คุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งไม่เกิน 20,000 บาท
  4. รถยนต์ที่รับประกันภัยตามเอกสารแนบและเบี้ยประกันภัยนี่เป็นอัตราเบี้ยที่คงที่
  5. ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย
  6. ไม่รับประกันภัยรถยนต์นำเข้า,รถซุปเปอร์คาร์,รถเช่า,รถรับจ้าง,รถรับจ้างสาธารณะ,รถมูลนิธิ,รถพยาบาล,รถฉุกเฉินทุกชนิด,เป็นต้น รวมถึงรถทะเบียน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ยะลา ปัตตานี นราธิวาส)
  7. ไม่รับประกันรถที่มีการปรับเปลี่ยน ดัดแปลงสภาพจากมาตรฐานโรงงาน เช่น โหลดสูง โหลดต่ำ ติดเกย์วัดความเร็ว,ติดเคฟร่า ติดตั้งโครงเหล็ก,คอก หลังคา ,ตู้
  8. อายุการใช้งานรถ ให้นำ ปีปัจจุบัน ลบ ด้วยปีจดทะเบียนรถ +1
  9. รับประกันภัยสำหรับรถที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 15 ปี
  10. เอกสารประกอบการทำประกันภัย ได้แก่ 1) สำเนาบัตรประชาชน 2) สำเนาเล่มทะเบียนรถ
รถยนต์ที่รับ ประกันภัยรถยนต์
  • FORD: EcoSport, Escape, Everest, ranger, Focus, Fiesta
  • HONDA : Accord, Amaze, Brio, BR-V, City, Civic, CR-V, HR-V, Jazz, Mobilio
  • ISUZU: MU-7,MU-X,D-MAX
  • MAZDA:  2,3,BT-50,CX-3
  • MITSUBISHI: Attrage, Mirage, Pajero Sport,Triton
  • NISSAN: Almera, Frontier, Juke, march, Navara, Sunny, Sylphy, Teana, Tiida, X-Trail
  • TOYOTA :Avanza, Camry, Corolla Altis, Corolla Cross, Fortuner, Innova, Revo, Sienta, Wish, Vigo, Vios, Yaris
บริการฉุกเฉินบนท้องถนน

สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price นั้นจะมีบริการฉุกเฉินบนท้องถนนด้วยครับ ซึ่งสามารถใช้ได้เวลาที่รถของเรามีปัญหา เช่น รถยนต์เสีย ยางรั่ว ยางแบน หรือ ลืมกุญแจรถยนต์ น้ำมันหมด ก็ติดต่อ02-099-0555 กด 2 ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์คอยให้บริการประสานงานบริการฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงครับ มีการบริการ ดังนี้

  • บริการรถยกฉุกเฉินบนท้องถนน หากรถเสียหรือมีปัญหา จะมีบริการรถลากยกฉุกเฉินนำรถของคุณไปยังอู่ซ่อมรถที่ใกล้ที่สุดใน 35 กิโลเมตร (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการช่างซ่อมกุญแจรถ (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการเติมน้ำมันฉุกเฉินไม่เกิน 5 ลิตร (2 ครั้งต่อปี)
  • บริการจองโรงแรมร้านอาหารตั๋วเครื่องบิน รถเช่าและคนขับส่วนตัว(2 ครั้งต่อปี)
  • บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ด้านเทคนิค กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 Happy 1 Price

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์

_____________________________________________

Please become Masii Fan

Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh

Website: www.masii.co.th

Blog: https://masii.co.th/blog

Line: @masii

Tel: 02 710 3100 

Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh

Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri

Twitter: twitter.com/MasiiGroup

#สินเชื่อ #ประกัน

#รถแลกเงิน #บ้านแลกเงิน #สินเชื่อส่วนบุคคล

#บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์

#กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน #เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii

#มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า

#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison