สำหรับใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้ แน่นอนว่านอกจากจะต้องขับรถอยู่เป็นประจำแล้ว ก็ควรต้องหมั่นดูแลรักษารถอยู่เสมอ เพื่อให้รถยนต์มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่สึกหรอ และเป็นการยืดอายุรถยนต์ให้นานกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการเช็กสภาพรถเป็นประจำทุกปี หรือการสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถของเราทั้งภายในและภายนอก เช่นเดียวกับ แอร์รถยนต์ ที่ก็จำเป็นต้องดูแลรักษา หรือล้างทำความสะอาดแอร์รถยนต์ นั่นเอง แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ควรล้างแอร์รถยนต์เมื่อไร และมีวิธีล้างแอร์อย่างไรบ้าง ตาม masii ไปหาคำตอบกันค่ะ
ควรล้างแอร์รถยนต์เมื่อไร ล้างอย่างไรให้สะอาด
โดยปกติแล้วควรล้างแอร์รถยนต์ทุกๆ 1 ปี หรือประมาณระยะทาง 20,000 กิโลเมตร หรือเมื่อผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงสัญญาณเตือนที่ควรล้างแอร์ ดังนี้
- แอร์ไม่เย็น > อาจเกิดจากท่อแอร์รั่ว มีรอยแตก หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไป
- แอร์มีกลิ่นอับ > อาจเกิดจากความชื้นที่สะสมตลอดการใช้งาน
- แอร์เสียงดังผิดปกติ > มอเตอร์แอร์หรือคอมเพรสเซอร์อาจมีปัญหา
- มีน้ำหยดในห้องโดยสาร > อาจเกิดจากท่อแอร์ตัน
วิธีล้างแอร์รถยนต์
1. ล้างตู้แอร์แบบถอดตู้
เป็นการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้แอร์ โดยเริ่มจากขันน็อตใต้คอนโซล แล้วถอดน็อตพัดลมแอร์ และปลั๊กสายไฟ จากนั้นถอดตู้แอร์และพัดลมออกมา และนำเอาคอยล์เย็นออกมาล้างตามซอกตามมุมต่างๆ โดยวิธีนี้จะต้องเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เปลี่ยนดรายเออร์กับวาล์วความดัน พูดง่ายๆ ก็คือ ทำทั้งระบบเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งเหมาะสำหรับรถที่ระบบแอร์ผ่านการใช้งานมานาน
2. ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้
การล้างแอร์แบบนี้เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือรถยนต์ที่ดูแลแอร์รถยนต์อยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังเป็นการล้างแอร์ที่สะดวก รวดเร็ว โดยช่างแอร์รถยนต์จะทำการฉีดโฟมล้างคอยล์แอร์เย็นเข้าไปให้ทั่ว รอโฟมละลายประมาณ 15-20 นาที และอาจใช้แปรงสีฟันปัดเศษฝุ่นที่ตกค้าง จากนั้นฉีดน้ำเข้าไปเพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนสุดท้าย น้ำจะไหลมาทางท่อน้ำทิ้ง
3. ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์
ส่วนวิธีนี้ไม่ต้องรื้อตู้แอร์ให้ยุ่งยาก แค่ใช้สเปรย์ทำความสะอาดฉีดให้ทั่วคอยล์เย็นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จนโฟมละลายหมดจากนั้นคราบน้ำยาจะค่อยๆ ไหลออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง สำหรับรถที่วิ่งในเมือง ฝุ่นเยอะ อาจต้องล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน
4. ใส่กรองแอร์
วิธีสุดท้าย คือการใส่กรองแอร์ ซึ่งอาจเหมาะกับรถยนต์บางรุ่น แต่ก็ช่วยกรองฝุ่นได้ดี โดยกรองแอร์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5,000 กิโลเมตร จึงควรเปลี่ยนอันใหม่ แต่หากใช้กรองแอร์อันเก่าไปเรื่อยๆ ลมจะพัดผ่านตู้แอร์ไม่สะดวก และมีผลกระทบต่อคอมเพรสเซอร์แอร์ได้
วิธีดูแลแอร์รถยนต์
หากอยากให้แอร์รถยนต์ใช้งานได้นานๆ มีเทคนิคในการเปิดและปิดแอร์รถยนต์เพื่อเป็นการดูแลแอร์รถยนต์ ดังนี้
- หลังสตาร์ทรถ ให้เปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อน จากนั้นจึงค่อยกดปุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์
- ก่อนดับเครื่องยนต์ ให้ดปุ่มปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน เปิดแต่พัดลมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไล่ความชื้น
- หากไม่ได้ใช้รถ ให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ทุกบาน ให้อากาศถ่ายเทและเป็นการไล่ความชื้นภายในรถ
เมื่อได้ทราบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการล้างแอร์รถยนต์ ที่มาสินำมาฝากกันในวันนี้แล้ว ก็อย่าลืมหมั่นดูแลแอร์รถยนต์ให้มีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ควรขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีแนะนำว่าควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดต่างๆ กับทีมงานมาสิได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ