KPI คือ : มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายคงได้ยินกิตติศัพท์ เสียงลือเสียงเล่าอ้างของ KPI ตัวชี้วัดความสำเร็จกันเป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีความเคี่ยวกรำ รวมถึงการวัดผลที่แตกต่างกันไป แน่นอนว่าเป็นสิ่งสร้างความกดดันให้คนทำงานหลาย ๆ คน เพราะการประเมินผลงานโดยใช้ KPI เป็นตัวตั้ง ย่อมส่งผลต่อหน้าที่การงานหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การประเมินเงินเดือน การเลื่อนตำแหน่ง การวัดประสิทธิภาพในการทำงาน ความก้าวหน้าในสายงาน ฯลฯ ตาม masiiมาดูความน่าสนใจนี้กันได้เลยครับ …
ตอบทุกข้อสงสัย “ KPI คือ อะไร ” ตัวชี้วัดความเร็จของงาน ?
เรียกว่าเป็นหนึ่งในการวัดผลที่องค์กรต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ประเมินพนักงานประจำปี นอกจากนี้ KPI ยังถือเป็นการสรุปภาพรวมการทำงานในปีนั้น ๆ ด้วยว่า ตัวเราเองและองค์กรต้องปรับปรุงในแง่ไหนบ้าง มีจุดอ่อนหรือจุดแข็งหรืออะไรที่ต้องพัฒนาต่อไป เหมือนการทบทวนวิธีการทำงานเพื่อสิ่งเหล่านั้นนำไปแก้ไขต่อไปในอนาคต หรือถ้าแก้ไม่ได้ก็เก็บสิ่งนั้นเป็นบทเรียน โดยพยายามไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก
KPI ดัชนีชี้วัดความสำเร็จคืออะไร ?
ไหน ๆ แล้วได้ยินคำว่า KPI กันอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะคนทำงานคงหลีกหนีเรื่องเหล่านี้ไม่พ้นอย่างแน่นอน เราลองมาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI ที่เราคุ้นเคยกันมานานนั้น จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ เป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือต้องกังวลมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อหลบไม่พ้นก็หาทางเผชิญหน้ากันแบบรู้จักฉันรู้จักเธอกันไปเลย
คำว่า KPI ย่อมาจาก Key Performance Indicator
- K = Key คือหัวใจหลัก, เป้าหมายหลัก, กุญแจสำคัญของความสำเร็จ
- P = Performance คือประสิทธิภาพ, ประสิทธิผล, ความสามารถในการทำงาน
- I = Indicator คือดัชนีชี้วัด, ตัวชี้วัด
ดังนั้น จากความหมายทั้งหมดของ KPI จึงแปลโดยรวมได้ว่าเป็นสิ่งวัดผลการทำงาน ใช้ชี้วัดความสำเร็จของงานแบบเป็นรูปธรรม เพราะทั้งหมดนั้นแปรผลออกมาเป็นตัวเลข โดยประเมินจากสิ่งที่คุณปฏิบัติงานจริงเทียบกับเป้าหมายมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่ดีนั้น ควรมีความเหมาะสมและน่าเชื่อถือ ทางที่ดีควรเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างพนักงานและองค์กร ที่สำคัญ KPI ควรมีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนไปตาม Culture การทำงานของแต่ละแผนก ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันประเมินโดยรวมทั้งหมด เพราะงานแต่ละรูปแบบก็มีความยากง่ายในส่วนที่แตกต่างกันไป
ประเภทของ KPI มีอะไรบ้าง?
แม้ KPI จะขึ้นชื่อว่าเป็นเกณฑ์การวัดผลการทำงานที่ดูแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่ตายตัว ดูแล้วเป็นสิ่งค่อนข้างเคร่งครัด แต่อย่างที่บอกไปว่า ถึงจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ (ที่ดี) ก็ควรมีความยืดหยุ่นแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของลักษณะการทำงาน พนักงานในองค์กร รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรด้วยเช่นกัน แล้วอย่าลืมว่าคุณค่าของ “ความสำเร็จ” ในแต่ละงานก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ตัว KPI มีสองโครงสร้างใหญ่ ๆ ให้แต่ละแห่งเลือกนำไปปรับใช้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการวัดผล
-
KPI วัดผลทางตรง
เริ่มต้นด้วย KPI ที่มีความชัดเจนที่สุดแบบไม่ต้องแปรผลให้ปวดหัว หรือประมวลอะไรให้ยุ่งยาก เพราะวัดผลจาก “ตัวเลข” เป็นหลัก โดยยึดจากมาตรอัตราส่วน (Ratio Scale) ตามที่กำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลขยอดขาย จำนวนสินค้า จำนวนผลงาน น้ำหนัก ส่วนสูง ฯลฯ ถือเป็นตัววัดผลที่อุ่นใจได้ในของความชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ เพราะตัวเลขย่อมสะท้อนความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่แล้ว
-
KPI วัดผลทางอ้อม
ความสำเร็จบางอย่างวัดผลด้วยตัวเลขได้ ทว่าคุณค่าของความสำเร็จบางอย่าง ตัวเลขก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประเมินค่าได้ ดัชชีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ทางอ้อม จึงมีความซับซ้อนและประเมินผลที่ยุ่งยากกว่าแบบแรก เพราะเป็นเรื่องของนามธรรมแทบทั้งสิ้น อย่างเรื่องความคิด บุคลิกภาพ ทัศนคติการทำงาน ทักษะการทำงาน การอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ด้วยความที่เป็นการประเมินแบบไม่มีอะไรตายตัว ดังนั้น ผู้ประเมินต้องตระหนักรู้และเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าต้องไม่ตัดสินด้วยอคติและความพึงพอใจส่วนตัว
ประเมิน KPI อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ
หากองค์กรไหนยึด KPI เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ หลักการวัดผลแบบ SMART มักถูกหยิบยกมาใช้ในการประเมินรูปแบบนี้มากที่สุด ด้วยความที่วัดผลได้หลากหลายด้าน ค่อนข้างครอบคลุมครบจบในครั้งเดียว ความที่ผสมผสานวิธีประเมินทั้งแบบตัวเลขและด้านความคิด ว่าง่าย ๆ คือได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ หลายเจ้านิยมใช้หลักเกณฑ์นี้เป็นตัววัดชีวัดประจำปี ส่วนการวัดผลแบบ SMART จะประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน
- S : Specific-เฉพาะเจาะจง บอกถึงเป้าหมายและการวัดผลที่ชัดเจน แจ้งให้พนักงานทราบถึงความต้องการและความคาดหวังขององค์กร อย่าบอกแบบภาพรวม เพราะนั่นจะทำให้ไม่ได้ประสิทธิผลเท่าที่ควร เช่น เพิ่มยอดขายภายในระยะเวลา 1 ปีให้ได้ 30%
- M : Measurable-สามารถวัดได้ ในแง่นี้หมายถึงการวัดผลที่มีหลักฐานชัดเจน แสดงผลเป็นตัวเลขหรืออ้างอิงได้ตามหลักสถิติ โดยข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำไปประเมินต่อไป เช่น ยอดขายในแต่ละเดือนของพนักงานขาย
- A : Achievable-บรรลุผลได้ เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่าตั้งขึ้นมาแบบลม ๆ แล้ง ๆ โดยไม่แคร์คนทำงาน ไม่อย่างนั้นคนทำงานเองก็จะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม รวมถึงอย่าตั้งง่ายเกินไป การวัดผลก็ล้มเหลวได้เช่นกัน เช่น ภายในระยะเวลา 1 ปี บริษัทต้องกำไรเพิ่มขึ้น 8% หรือหาลูกค้าใหม่ได้ 25% ภายในระยะเวลา 1 ปี
- R : Realistic-สมเหตุสมผล การวัด KPI ที่ดีนั้นจำเป็นต้องพิจารณาตามหลักเหตุผล สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เข้าใจว่าชาเลนจ์เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ก็นำมาสู่การวัดผลที่ไม่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน เช่น เพิ่มกำไรให้ได้ 70% จากปีที่แล้ว ภายใน 6 เดือน ขณะแนวโน้มทำกำไรลดลงทุกปี (ตัวอย่างของการตั้งเป้าเกินจริง)
- T : Timely-กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน อย่าลืมว่าทุก ๆ การประเมินผล เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เราทำงานอย่างมีเป้าหมาย หากไม่มีไทม์ไลน์เป็นกรอบ ระหว่างการทำงานก็จะเลื่อนลอย เช่น ภายใน 1 ปี เราต้องได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30
ประโยชน์ของ KPI
อ่านมาจนถึงตอนนี้ จะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว KPI ไม่ได้เป็นเรื่องชวนอึดอัดใจเสมอไป หากการวัดผลการทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามหลักความจริง เราเองในฐานะคนทำงานก็เหมือนได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองไปในตัว มีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง หรือต้องเพิ่มให้แข็งแกร่งมากขึ้น ที่สำคัญยังได้ประเมินตัวเองว่าเราเติบโตในสายงานมากน้อยแค่ไหน ส่วนบริษัทเองก็ได้เข้าใจภาพรวมการทำงานว่าสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ได้ไหม แนวทางที่กำหนดไว้มีอะไรต้องปรับบ้าง รวมถึงใช้ KPI นี้เป็นหลักเกณฑ์พิจารณาในการตั้ง KPI ในปีถัด ๆ ไป
อย่ามองว่า KPI คือสิ่งที่องค์กรประเมินการทำงานของเราเท่านั้น ในทางกลับกัน ในแต่ละปีของการทำงาน คุณเองก็ควรประเมินถึงสิ่งที่ผ่านไปอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี หากผลลัพธ์การประเมินออกมาตรงกันทั้งสองฝ่ายก็แล้วไป แต่ถ้าออกมาไม่ตรงกัน คงต้องเปิดโอกาสให้เจอกับสิ่งที่ดีกว่าครับ
…………………………………………………..
แน่นอนว่าที่ masii.co.th ให้คุณได้ สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์ เปรียบเทียบบัตรเครดิตทุกธนาคาร ที่ตรงใจ เข้ากับไลฟ์สไตล์ พร้อมโปรโมชั่น และข้อเสนอพิเศษสุดฟิน สามารถสมัคร หรือเปรียบเทียบความคุ้มค่า สมัครได้ที่ “ เว็บไซต์มาสิ ” นะครับ เพราะเปรียบเทียบง่ายถูกใจชัวร์! แล้วไปดูกันเลยครับ ว่าบัตรเครดิตไหนจะถูกใจสายกินกันบ้าง …
บัตรเครดิต Citibank Rewards
“ คะแนนx 5 หมวดร้านอาหาร ”
ปกติแล้วบัตร Citibank Rewards นั้น ทุกๆ ท่านจะได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ทุกการใช้จ่าย 25 บาท แต่สำหรับ หมวดร้านอาหารนั้น โดยสามารถเก็บแต้มสะสมได้ง่ายกว่ามาก เพราะทุกการใช้จ่าย 5 บาท ก็ได้แล้ว 1 แต้มครับ ซึ่งคะแนนสะสมนี้ สามารถแลกเป็นเงินคืนเข้าบัญชีได้ โดย 11,000 คะแนน สามารถแลกเงินคืนเข้าบัญชี มูลค่า 1,000 บาท และ 10,500 คะแนน สามารถแลกบัตรกำนัลคืนได้ถึง 1,000 บาท และที่พิเศษสุดๆ ไปเลยก็คือ แต้มคะแนนสะสมของ บัตรเครดิต นี้ ไม่มีวันหมดอายุ ด้วยนะครับ เก็บแต้มกันไปได้ยาวๆ กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนที่ชอบทานบุฟเฟต์โรงแรม จาก Windsor Suites Hotel ด้วยนะครับ
โปรโมชั่นร้านอาหารบัตรเครดิต Citibank Rewards
- Mo Mo Paradise: รับส่วนลด 15% วันจันทร์ – วันศุกร์ + รับส่วนลดเพิ่ม 15% เมื่อใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด เท่ากับยอดสุทธิ ทุกเวลา ทุกวัน
- Windsor Suites Hotel Sukhumvit 20
- The Cafe International restaurant มา 4 จ่าย 3 สำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน มา 4 จ่าย 3 สำหรับบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อค่ำ (ศุกร์ – อาทิตย์ )
- The Golden Place Chinese restaurant มา 4 จ่าย 3 สำหรับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อกลางวันและมื้อค่ำ
- Pizza Connection Italian restaurant ส่วนลด 20% สำหรับ a la carte ( เฉพาะค่าอาหาร )
- The Cafe International restaurant ส่วนลด 20% สำหรับ a lar carte ( เฉพาะค่าอาหาร )
สนใจ สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
……………………………………………………………..
บัตรเครดิต UOB Yolo Platinum
“ เงินคืน 10% เมื่อทาน Burger King และ Uber eat ”
UOB Yolo Platinum เป็น บัตรเครดิต ที่เน้นในเรื่องของได้รับเงินคืนครับ สามารถสมัครบัตรใบนี้ได้เมื่อรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท / เดือน ขึ้นไป ตามปกติแล้ว เราจะได้รับเงินคืน 1% เมื่อใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ แต่สำหรับสายบุฟเฟต์แล้ว คุณจะได้รับเงินคืน 10% เมื่อใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร หมวดช้อปปิ้ง และหมวดการเดินทางครับ
โปรโมชั่นร้านอาหาร บัตรเครดิต UOB Yolo Platinum
- Bottoms Up : ทุกวันศุกร์ รับเครดิตเงินคืน 50%
- AINU : ทุกวันศุกร์ รับเครดิตเงินคืน 50%
- Wine I Love You : ทุกวันศุกร์ รับเครดิตเงินคืน 50%
- Burger King : รับเครดิตเงินคืน 10%
- Uber eat : รับเครดิตเงินคืน 10%
สนใจ สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
……………………………………………………………..
บัตรเครดิตUOB Preferred Platinum
“ ซื้อ 1 ฟรี 1 ที่ True Coffee ”
อีกหนึ่งบัตรเครดิตจากธนาคาร UOB ที่เหมาะสำหรับสายกินครับ เพราะให้คุณรับ 1 คะแนนสะสมได้ง่ายๆ จากทุกการใช้จ่าย 10 บาท ในหมวดร้านอาหาร ช้อปปิ้ง และซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟ ยังมีโปรโมชั่นพิเศษรับสิทธิ์ 1 ฟรี 1 จาก True Coffee ด้วย
โปรโมชั่นร้านอาหาร บัตรเครดิต UOB Preferred Platinum
- True Coffee : รับฟรีเพิ่มอีก 1 แก้ว เมื่อซื้อเครื่องดื่ม และชำระผ่านบัตรที่ True Coffee
- Texas Chicken : รับฟรีไก่ทอด Signature 1 ชิ้น หรือ ice-cream sundae 1 ถ้วย เมื่อซื้ออาหารตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
……………………………………………………………..
บัตรเครดิต TMB So Fast
“ ทุก 10 บาทได้ 1 แต้ม ”
บัตรเครดิต TMB So Fast นี้ มีจุดเด่นอยู่ที่เรตสะสมคะแนน “ ทุกการใช้จ่าย 10 บาท ได้ 1 คะแนน TMB Rewards Plus ” ครับ โดยคะแนนสะสมนั้น สามารถเก็บไว้ได้ถึง 4 ปีก่อนหมดอายุ และเมื่อกำหนดว่าทุกการใช้จ่าย 10 บาทได้ 1 แต้มนี้เอง ทำให้ทุกๆ ท่าน สามารถสะสมคะแนนได้ไวขึ้น และนำคะแนนนี้มาแลกเป็นเงินคืนเข้าบัญชี หรือแลกบัตรกำนัลได้ โดย 7,500 คะแนน สามารถแลกเป็นเงินคืน หรือมูลค่าบัตรกำนัลได้ถึง 500 บาทครับ
โปรโมชั่นร้านอาหาร บัตรเครดิต TMB So Fast
- เดอะเซาท์ ( The South ) : รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เมื่อทานครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป
- ตำตำ แซ่บคาเฟ่ : รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เมื่อทานครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป
สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
……………………………………………………………..
บัตรเครดิตTMB So Chill
“ กดเงินไม่เสีย 3% ”
บัตรนี้อาจจะแหวกแนวสักหน่อย ด้วยจุดเด่นคือ เป็น บัตรเครดิต สำหรับคนที่ชื่นชอบการกดเงินสด และไม่ชอบจ่ายชำระตามรอบบิลครบเต็มจำนวน เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถหาเงินสดได้ทันเวลา เมื่อเราไปทานอาหารกับเพื่อนก็อาจจะมีบางร้านที่ไม่รับบัตรเครดิต แต่ยังมีตู้เอทีเอ็มอยู่ใกล้ๆ ซึ่งบัตรใบนี้ดีตรงที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 3% จากยอดเงินสดที่เรากดผ่านบัตรเครดิตออกมา นอกจากนี้แล้ว หากเลือกจ่ายชำระขั้นต่ำ หรือ บางส่วน ภายในวันที่ธนาคารกำหนดชำระเงินตั้งแต่รอบบัญชีที่ 4 เป็นต้นไป ทุกๆ ท่าน ยังได้รับ เงินคืน 5% จากดอกเบี้ยที่เรียกเก็บ และไม่ต้องคอยกังวลเรื่องยอดการใช้จ่ายต่อเดือน เพราะบัตรใบนี้ ฟรี! ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพไปเลยครับ
โปรโมชั่นร้านอาหาร บัตรเครดิต TMB So Chill
- เดอะเซาท์ ( The South ) : รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เมื่อทานครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป
- ตำตำ แซ่บคาเฟ่ : รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เมื่อทานครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป
สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
มาสิ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกๆ ท่านคงถูกอกถูกใจกันนะครับ อย่าลืมนะครับ สำหรับใครที่เป็น สายกิน หรืออยากใช้เวลาร่วมกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนพิเศษ กับมื้ออาหารที่ได้รับความคุ้มค่า กับโปรโมชั่น บัตรเครดิต ร้านอาหารต่างๆ ที่ มาสิ นำมาฝากกันในวันนี้ โดยเฉพาะ ใน วันหยุด ด้วยแล้ว อย่ารอช้า รีบสมัครกันได้เลยครับ หรือหากต้องการ เปรียบเทียบบัตรเครดิต ทุกธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษต่างๆ รวมทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับการ สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์ สามารถเลือก เปรียบเทียบบัตรเครดิต ได้ที่ เว็บไซต์มาสิได้เลยนะครับ หรือโทรสอบถาม 02 710 3100 หรือแอดไลน์เพื่อสอบถามได้ที่ @masii ครับ
เปรียบเทียบบัตรเครดิต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ สมัครบัตรเครดิต ออนไลน์
เพื่อติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ บัตรเครดิต การสมัคร สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถแลกเงิน สินเชื่อเงินสด และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ จากสถาบันการเงินชั้นนำ
อ่านบทความเพิ่มเติมเพื่อช่วยคุณหาตัวเลือกที่ดีที่สุด กับ บัตรเครดิตที่น่าสนใจ
- บัตรเครดิต KTC ท่องเที่ยวก่อน ผ่อนจ่ายทีหลัง
- หยุดยาว บัตรเครดิต แบบไหน ตอบโจทย์สายท่องเที่ยว
- ส่วนลดจุใจสายท่องเที่ยวกับบัตรเครดิต KTC
- สายเดินทางกับสายท่องเที่ยว บัตรเครดิตใบไหนที่พลาดไม่ได้
_____________________________________________
Please become Masii Fan
Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์
#ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน
#เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก
#เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#SimplifiedComparison