ช่วงนี้พายุฝนยังคงพัดกระหน่ำเข้าประเทศไทย หลายพื้นที่มีฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง บางที่มีน้ำท่วมสูง รถราสัญจรได้ลำบาก แต่ก็มีความจำเป็นต้อง ขับรถลุยน้ำท่วม ขับรถผ่าน้ำออกไปให้ถึงที่หมาย แต่ทว่าการขับรถลุยน้ำนั้นก็ค่อนข้างมีความเสี่ยง ดีไม่ดี อาจทำให้รถดับ เครื่องยนต์เสียหาย และทำให้รถเสียได้ แล้วอย่างนี้จะมี วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย รถไม่ดับ และจะมี วิธีดูแลรถหลังลุยน้ำ อย่างไร เราไปหาคำตอบพร้อมกับ masii กันเลยค่ะ
6 วิธี ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรให้ปลอดภัย รถไม่ดับ พร้อมวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำ
เข้าสู่หน้าฝนทีไร เราคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการขับรถลุยฝนได้ หากขับรถตอนฝนตกที่พื้นถนนลื่นก็คงต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม แต่ถ้าเส้นทางที่เรากำลังเดินทางไปนั้น เกิดน้ำท่วมขัง หรือ มีน้ำท่วมสูง และมีความจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วมไปนั้น ควรต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถขับรถฝ่าน้ำท่วมไปได้อย่างปลอดภัย รถไม่ดับ เราไปดู วิธีขับรถลุยน้ำท่วม กันเลยค่ะ
วิธีขับรถลุยน้ำท่วม ให้ปลอดภัย รถไม่ดับ
1. ลดความเร็วลง
หากทางข้างหน้ามีน้ำท่วมขัง ควรลดความเร็วลง และขับรถช้าๆ ประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเวลาที่ขับรถลุยน้ำนั้นจะควบคุมรถได้ยากกว่าปกติ ทั้งยังทำให้เกิดคลื่นน้ำ ซึ่งหากมีรถสวนมา หรือขับรถเร็วก็จะยิ่งทำให้คลื่นน้ำสูง น้ำอาจท่วมฝากระโปรงรถ และทะลักเข้ามาเครื่องยนต์หรือภายในรถได้
2. อย่าเร่งเครื่องแรง
หลายคนอาจชอบเร่งเครื่องเวลาที่ต้องขับรถลุยน้ำ โดยหวังว่าอยากให้ผ่านพ้นเส้นทางน้ำท่วมนี้ไปเร็วๆ แต่รู้ไหมว่า ยิ่งเร่งเครื่องแรงมากเท่าไร กลับยิ่งทำให้รถมีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่งผลให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน และเมื่อใบพัดหมุนน้ำเข้ามาอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์และห้องเครื่องได้
3. ใช้เกียร์ต่ำ
นอกจากการลดความเร็วเมื่อต้องขับรถลุยน้ำแล้ว เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยควรใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 แต่ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัติควรใช้ เกียร์ L หรือ D2 พร้อมกับขับรถช้าๆ ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการเบรกนั่นเอง
4. เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มาก
เพราะเวลาขับรถลุยน้ำนั้น นอกจากจะบังคับรถได้ยากกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลงอีกด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าให้มากๆ เพราะหากขับรถติดกับคันหน้ามากเกินไป แล้วมีการเบรกกระทันหัน อาจทำให้เบรกไม่ทัน และเกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้หากขับรถลุยน้ำท่วมไปจนถึงพื้นที่ปกติแล้ว ให้เหยียบเบรกย้ำเป็นช่วงๆ เพื่อไล่น้ำออกจากเบรก ช่วยให้ผ้าเบรกแห้งไว หรือถ้าเป็นรถเกียร์ธรรมดา ให้เหยียบคลัตช์ด้วย ป้องกันปัญหาคลัตช์ลื่น
5. ปิดแอร์รถยนต์
เวลาขับรถลุยน้ำท่วมควรปิดแอร์รถยนต์ เพราะหากเปิดแอร์ไปด้วย อาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ และทำให้รถดับได้ เพราะใบพัดจากพัดลมจะพัดเอาน้ำที่ท่วมอยู่บนพื้นถนนเข้ามาในห้องเครื่อง ส่งผลให้เครื่องรวน หรือดีไม่ดี ใบพัดอาจไปพัดเอาเศษขยะ เศษกิ่งไม้มาทำให้ใบพัดแอร์เสียหายได้ ทางที่ดีหากต้องขับรถลุยน้ำท่วม ควรปิดแอร์รถยนต์แล้วเปิดกระจกจะดีที่สุด
6. ถ้าน้ำท่วมสูงมาก ไม่ควรขับลุย
แต่หากเส้นทางที่เราต้องผ่านไปนั้นมีน้ำท่วมสูงเกินกว่าครึ่งล้อ น้ำท่วมสูงกว่าชายประตูรถ หรือ ท่วมมิดกระโปรงรถยนต์ แนะนำว่าไม่ควรฝืนขับรถลุยต่อไป แนะนำให้หาเส้นทางอื่น หรือหาที่ปลอดภัยเพื่อจอดรถรอจนกว่าน้ำจะลดและสามารถขับฝ่าได้ หรือหากขับไปแล้ว รถดับกลางทาง อย่าเพิ่งสตาร์ทรถทันที เพราะจะทำให้น้ำยิ่งเข้าเครื่องยนต์ แนะนำให้ค่อยๆ เข็นรถไปจอดข้างทาง หรือย้ายไปในจุดที่น้ำไม่ท่วมสูง
วิธีดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม
การขับรถลุยน้ำท่วม เป็นเรื่องที่อาจไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่หากวันไหนต้องขับรถฝ่าน้ำท่วมขึ้นมาละก็ สามารถทำตามวิธีดังข้างต้นได้เลย แต่อย่างไรก็ดีคืออย่าลืมดูแลรถยนต์หลังลุยน้ำท่วม เพื่อเป็นการยืดอายุรถยนต์ของเรานั่นเอง โดยมี วิธีดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ดังนี้
1. เหยียบเบรกย้ำๆ หลังขับรถลุยน้ำท่วม
เวลาขับรถลุยน้ำท่วม น้ำจะเข้าไปในระบบเบรก ดรัมเบรก และผ้าเบรก จึงจำเป็นที่จะต้องไล่น้ำออกจากเบรก ป้องกันจานเบรกขึ้นสนิม โดยให้ขับรถช้าๆ และค่อยๆ เหยียบเบรกย้ำๆ หลายๆ ครั้ง หรือหากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ก็ให้เหยียบคลัตช์ด้วยเพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
2. อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ทันที
ในกรณีที่ขับรถผ่านน้ำท่วม และถึงที่หมายแล้วเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ทันที แต่ให้ติดเครื่องไว้สักพัก เพื่อไล่ความชื้นในห้องเครื่องและไล่น้ำออกจากหม้อพักไอเสียให้หมด ป้องกันเครื่องยนต์สะดุดหรือเกิดปัญหาในภายหลังนั่นเอง
3. ตรวจดูว่าน้ำซึมเข้ารถหรือไม่
หากต้องขับรถลุยน้ำท่วมสูง เมื่อจอดรถในพื้นที่แห้งแล้ว ควรเปิดแผ่นยางรองพื้น หรือพรมปูพื้นรถยนต์ เพื่อตรวจว่ามีน้ำซึมเข้ารถหรือไม่ หากพบคราบน้ำหรือมีน้ำซึมเข้ามา ควรรื้อพรมหรือยางปูพื้นออกมาเช็ดและเป่าให้แห้ง พร้อมกับจอดรถตากแดดทิ้งไว้ เพื่อป้องกันรถเกิดกลิ่นอับ หรือ พรมขึ้นรา
4. ล้างรถให้สะอาด
แม้จะเพิ่งผ่านการขับรถลุยน้ำมาหมาดๆ ก็ตาม ก็อย่าลืมล้างรถให้สะอาด เพื่อล้างคราบสกปรก เศษทราย เศษขยะที่ติดอยู่กับรถและห้องเครื่อง ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ในภายหลังได้
5. นำรถเข้าศูนย์บริการ
แต่หากใครที่ต้องการความมั่นใจ สามารถนำรถไปตรวจเช็กสภาพได้ที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ โดยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ เช่น เครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบไฟ เป็นต้น
และนี่ก็คือ 6 วิธี ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรให้ปลอดภัย รถไม่ดับ พร้อมวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำ ที่ masii นำมาฝากกัน โดยเพื่อนๆ สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปทำตามกันได้เลยค่ะ แต่ในช่วงหน้าฝนนี้ ก็ควรขับขี่รถยนต์กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และถ้าจะให้ดี มาสิ แนะนำให้ซื้อประกันภัยรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดย คลิกที่นี่ เพื่อ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับเว็บไซต์มาสิ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทร.มาพูดคุยสอบถามกับทีมงานมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความที่น่าสนใจจากมาสิ เช่น ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันเดินทาง ประกันภัยโดรน ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ และประกันภัยอื่นๆ จากบริษัทประกันชั้นนำ
________________________
Please become Masii Fan
Facebook: www.facebook.com/MasiiThailand
Website: www.masii.co.th
Line : @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCV-5rpO5ZqAGfgLdKqzKGFw
Instagram: www.instagram.com/masii_thailand/
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ #ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน
#ประกันภัยโดรน #ประกันโดรน #ลงทะเบียนโดรน #ขึ้นทะเบียนโดรน #Dronethailand
#ประกันรถยนต์ #ประกันรถยนต์ชั้น1 #สมัครประกันรถยนต์ #ประกันรถที่คุ้มที่สุด
#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า