หากพูดถึงสินเชื่อส่วนบุคคล จะมีหลายอย่าง แต่จะมีประเภทหลักๆ ก็คือการโอนเงินก้อนเข้าบัญชีของเรา ให้เราไปถอนออกมาใช้ได้เอง และอีกประเภทหนึ่งคือ บัตรกดเงินสด ที่สามารถนำไปกดเงินได้ที่ตู้ ATM ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกให้กับเราในเวลาต้องการเงิน หรือร้อนเงินได้อย่างดีเลยครับ และแน่นอนว่า ถ้าเป็นบัตรกดเงินสดก็มีหลายตัวเช่นเดียวกัน แต่ก็จะมีบัตรกดเงินสดที่สุดยอดอยู่เช่นกันครับ เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไมบัตรกดเงินสดใบนี้ถึงได้เป็น บัตรกดเงินสด 2023
ที่สุดของ บัตรกดเงินสด 2023
บัตรกดเงินสด คืออะไร?
บัตรกดเงินสดคือ บัตรที่ใช้กดเงินสดออกจากตู้ ATM ในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการกดเงินสดเหมือนกับบัตรเครดิต แต่ไม่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือซื้อสินค้าออนไลน์ได้ ยกเว้นสำหรับบางบัตรที่รูดผ่อนสินค้ากับร้านค้าที่ร่วมรายการได้
การใช้บัตรกดเงินสดไม่ต้องมีทรัพย์สินเพื่อเป็นหลักประกัน แต่เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 20 % ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่ออื่นๆ ในด้านการคิดดอกเบี้ย จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน เมื่อชำระยอดแล้วจะสามารถกดเงินสดในวงเงินเดิมได้ อย่างไรก็ดี บัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับการใช้งานในกรณีฉุกเฉินเนื่องจากดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง
การสมัครบัตรกดเงินสด
การสมัครบัตรกดเงินสด จะมีหลักการคล้ายๆ กับการสมัครบัตรเครดิต คือต้องเตรียมประวัติให้สถาบันทางการเงินตรวจสอบ หรือเอกสารอื่นๆ ที่สถาบันการเงินอาจขอมา เช่น สำเนาใบแสดงหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีวินัยในการชำระเงินคืนเมื่อกู้ยืมเพื่อให้ประวัติข้อมูลเครดิตไม่มีปัญหาเช่นเดียวกับการสมัครบัตรเครดิต จึงจะสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้อย่างง่ายดาย
กดเงินสดจากบัตรไหนดี?
บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด มีจุดเด่นแตกต่างกันไป บัตรเครดิตไม่เหมาะสำหรับกดเงินสด เพราะมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด แต่จุดเด่นคือใช้สำหรับรูดซื้อสินค้าและซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ เพราะมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยนาน ขณะที่บัตรกดเงินสดถูกออกแบบมาเพื่อกดเงินสดโดยเฉพาะ จึงไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำในการถอนเงิน แต่ผู้ใช้งานก็ต้องแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งถ้ารีบชำระดอกเบี้ยให้เร็วที่สุดก็จะยิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยลง จากการคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน
สรุปแล้ว บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมีการใช้งานที่แตกต่างกันไป รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้บัตรว่าต้องการจะใช้เงินแบบไหน ถ้าเป็นกรณีที่ต้องใช้เงินสดแบบฉุกเฉิน บัตรกดเงินสดจะเหมาะกว่า หรือถ้าต้องการซื้อสินค้าราคาสูงในแบบผ่อนชำระ บัตรเครดิตจะเหมาะกว่าเพราะมีช่วงปลอดดอกเบี้ยนั่นเอง
บัตรกดเงินสด KTC PROUD
สำหรับบัตรกดเงินสด KTC PROUD หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD นั้นเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล แบบบัตรกดเงินสด ที่อนุมัติวงเงินสูง 5 เท่าของรายได้ ด้วยการจำกัดที่ รายได้รวมขั้นต่ำ 12,000 บาท เท่านั้นครับซึ่ง ต่อให้เงินเดือนขั้นต่ำเราไม่ถึง 12,000 บาทก็สามารถทำได้ หากเรามีรายได้รวมกันต่อเดือนครบ 12,000 บาทครับ และชำระขั้นต่ำเพียง3% ของยอดที่เรียกเก็บ แต่ไม่ต่ำกว่า300 บาท
ทำไมถึงได้เป็นสุดยอดบัตรกดเงินสด 2023
เราจะเห็นได้ว่า จะมีสินเชื่อส่วนบุคคลหลายตัว ที่จำกัดในเงินเดือนขั้นต่ำ ทำให้ผู้ที่มีรายได้หรือเงินเดือน ไม่ถึงตามที่กำหนดไว้ไม่สามารถทำได้ แต่สำหรับ บัตรกดเงินสด KTC PROUD จำกัดแค่ รายได้รวมขั้นต่ำ ซึ่งหมายถึง เราสามารถรวมรายได้จากกี่ทางก็ได้ให้ครบตามที่กำหนดไว้ครับ ซึ่งง่ายต่อการขออนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลตัวนี้ครับ และมากไปกว่าบัตรกดเงินสดธรรมดา บัตรกดเงินสด 2019จะทำให้เราสะดวกกับการซื้อสินค้า เพราะ พร้อมใช้ทุกเมื่อที่เรามีสินค้าที่เราอยากได้ แต่เราไม่สะดวกรูดบัตรเครดิต หรือ จำนวนเงินไม่พอ ก็สามารถนำบัตรสินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD ใช้เพื่อแบ่งชำระสินค้าได้เลยครับ ซึ่งสามารถแบ่งชำระได้ 0% นานสูงสุด 24 เดือน แถมเรายังได้คะแนนสะสมจาก KTC FOREVER point ครับ เรียกว่า หากเราใช้ บัตรสินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD เยอะ เราก็จะได้คะแนนสะสมเยอะ เพื่อนำไปใช้แลกรับบริการ หรือแลกเป็นส่วนลดสำหรับการซื้อของได้อีกด้วยครับ
สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud
คุณสมบัติผู้สมัคร บัตรกดเงินสด KTC Proud
- สัญชาติ ไทยอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- ผู้สมัครจะต้องมีรายได้อย่างน้อย 12,000 บาทขึ้นไป (สามารถรวมกับรายได้อื่นได้ด้วย)
- ต้องมีหนังสือรับรองเงินเดือน / สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด
- ประสบการณ์ขั้นต่ำในการทำงาน 4 เดือน
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Line@ :@masii ครับ หากอยากสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลแบบอื่น หรือเปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคลได้ด้วยตัวเอง ได้ ที่นี่ ครับ