สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์อยู่เป็นประจำแน่นอนว่าคงต้องได้ยินคำว่า ประกันรถยนต์ กันอย่างคุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ความคุ้มครองต่อตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คู่กรณี รวมถึงทรัพย์สินและตัวรถยนต์ด้วย ซึ่งประกันรถยนต์ ก็มีหลากหลายประเภทและมีความคุ้มครองที่ต่างกันไป แล้วประกันรถยนต์แต่ละประเภทคุ้มครองอะไรบ้าง และมีความจำเป็นต่อผู้ขับขี่มากน้อยขนาดไหน เราตาม masii ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ประกันรถยนต์ จำเป็นอย่างไร
อย่างที่มาสิบอกไปข้างต้นว่า ประกันรถยนต์นั้นให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันรวมไปถึงคู่กรณีในกรณีที่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถหาย ไฟไหม้รถ น้ำท่วมรถ เป็นต้น โดยประกันรถยนต์ แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ และให้ความคุ้มครองดังนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งมีความคุ้มครองหลักๆ ดังนี้
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า รถคว่ำ รถตกถนน หินดีด กระจกร้าว ยางแตก เป็นต้น
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ หรือน้ำท่วมรถ
- เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 2+
ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองรองลงมา ต่างกันตรงที่ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ และมีคู่กรณีเท่านั้น
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี แต่จะคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ และมีคู่กรณีเท่านั้น
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 2
ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2 จะเน้นให้ความคุ้มครองแก่คู่กรณี คือคุ้มครองทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกายและทรัพย์สิน แต่จะไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกัน หรือพูดง่ายๆว่า ซ่อมเขาแต่ไม่ซ่อมเรา นั่นเอง
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ของบุคคลภายนอกหรือคู่กรณี
- ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่ทำประกัน
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 3+
มากันที่ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ต่างกันที่ ประกันชั้น 3+ จะไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี แต่จะคุ้มครองค่าซ่อมรถคันเอาประกันในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ และมีคู่กรณีเท่านั้น
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันประเภทสุดท้าย หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ถือว่ามีราคาถูกสุด แต่ก็ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าประเภทอื่นเช่นกัน คือจะเน้นให้ความคุ้มครองแก่คู่กรณี ดังนี้
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินเฉพาะของคู่กรณีเท่านั้น
- ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่ทำประกัน
- ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- เงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
สนใจสมัครประกันรถยนต์
และนี่ก็คือความคุ้มครองของประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า ประกันรถยนต์ จำเป็นอย่างไร หากใครสนใจอยากทำประกันรถยนต์ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทร.มาพูดคุยสอบถามทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันสุขภาพ ประกันเดินทาง รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ
