เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไปจนถึงอุบัติเหตุที่สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไหนก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น และแน่นอนว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น ใครหลายคนอาจทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน วันนี้ masii ก็มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากว่าควรทำอย่างไรเมื่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีปฏิบัติเมื่อรถชนอย่างไรบ้าง
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราควรทำอย่างไร
พยายามอย่าตื่นตระหนก
เวลาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นไม่ว่าจะเล็กหรือรุนแรงมากแค่ไหน แน่นอนว่าทุกคนย่อมตกใจ และร่างกายก็จะหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมา ทำให้ไม่สามารถคิดหรือทำอะไรได้คล่องแคล่วอย่างคนทั่วไป อาจเกิดอาการสั่น งกๆ เงิ่นๆ ทำตัวไม่ถูก อย่างไรแล้วมาสิแนะนำว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทุกคนควรมีสติให้มากๆ จะช่วยทำให้สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าราบรื่นขึ้น สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นการบอกปากคำให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เคลียร์กับคู่กรณี โทรติดต่อประกัน หรือโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย เป็นต้น
ประเมินความรุนแรงของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
หากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นนั้น มีคนได้รับบาดเจ็บทั้งคุณและคู่กรณี อันดับแรกให้สำรวจดูตัวเองก่อนว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จากนั้นจึงตรวจสอบผู้โดยสารที่เหลือบนรถของคุณ รวมไปถึงสังเกตอาการบาดเจ็บของคู่กรณี หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย เมื่อพบว่ามีผู้บาดเจ็บในอุบัติเหตุ อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายทันที ยกเว้นว่าผู้บาดเจ็บอยู่ในที่อันตรายจากรถที่สัญจรไปมา จากนั้นให้รีบโทรหาเบอร์โทรฉุกเฉิน พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุให้มากที่สุด ทั้งยานพาหนะ สถานที่เกิดเหตุ และจำนวนบุคคลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ตัดสินใจว่าควรย้ายรถของคุณหรือไม่
หากเกิดอุบัติเหตุอย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปไหน หากใครมีป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉิน ให้นำมาวางให้ห่างจากด้านหลังรถประมาณ 20 เมตร หากอุบัติเหตุเกิดขึ้นบริเวณทางโค้ง ให้วางป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินไว้ด้านใดด้านหนึ่งเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ และถ้าเป็นไปได้ ให้นำชิ้นส่วนรถออกจากถนนเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนนท่านอื่น หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ให้จอดรถชิดข้างทางเพื่อไม่ให้กีดขวางทางจราจร และควรยืนรอเจ้าหน้าที่กู้ภัย หรือบริษัทประกันให้อยู่ชิดริมถนนด้านซ้ายให้มากที่สุด
รายละเอียดต่างๆ ที่ต้องแลกเปลี่ยนกัน
สิ่งที่ควรจำได้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไว้สำหรับแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่มาให้ความช่วยเหลือ ได้แก่
- ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ขับขี่
- ที่อยู่ของเจ้าของรถ ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ
- ชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทประกันภัยรถยนต์
- หมายเลขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่
- หมายเลขจดทะเบียนรถ
- ปีที่ผลิต ยี่ห้อรถ รุ่นรถ และสีรถที่เกิดอุบัติเหตุ
ถ่ายภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
นอกจากรายละเอียดข้อมูลแล้ว ภาพถ่ายก็มีความจำเป็นเช่นกัน เพราะถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยยืนยันเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ โดยคุณควรถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ ถ่ายให้เห็นตำแหน่งของยานพาหนะคันอื่นที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุและความเสียหายของรถทุกคัน แต่หากไม่มีกล้องถ่ายรูป ให้บันทึกข้อมูลทั้งหมดลงบนกระดาษแทน นอกจากนี้รายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นไม่แพ้กัน เช่น ความเร็วรถที่ขับมาตอนนั้น พื้นผิวถนน สภาพอากาศ ทัศนวิสัย วิธีการขับขี่รถของคุณและคู่กรณี เป็นต้น
การเจรจาในประเด็นของอุบัติเหตุ
ให้ผู้ขับขี่เจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดของอุบัติเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตัวแทนที่มาจากบริษัทประกันภัยของคุณเท่านั้น อย่าเพิ่งเคลียร์กับคู่กรณีเอง แต่ให้ถามข้อมูลหลักๆ ที่จำเป็นของคู่กรณี เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ รถยนต์ที่ใช้เกิดเหตุ เป็นต้น
ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น ยิ่งเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยแล้ว ยิ่งเกิดความสูญเสียมากกว่าแน่นอน ทางที่ดีมาสิแนะนำว่าผู้ขับรถทุกคนควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วย หากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ยังมั่นใจได้ว่ามีประกันรถยนต์คุ้มครองอยู่นั่นเอง
สนใจสมัครประกันรถยนต์
และหากใครสนใจอยากทำประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2 ชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็สามารถสมัครกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลหรือติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ได้เลยค่ะ