ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันนี้ ผู้หญิงขับรถมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ทว่าสาวๆ หลายคนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรถยนต์มากเท่าไรนัก ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ขับขี่รถยนต์จำเป็นที่ต้องรู้วิธีดูแลรถยนต์ขั้นพื้นฐาน รวมถึงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ หากรถยนต์เกิดปัญหาขึ้นมาจะได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ วันนี้ masii เลยได้นำ 7 เทคนิคดูแลรถยนต์ ที่ผู้หญิงควรรู้ มาฝากกัน ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
7 เทคนิคดูแลรถยนต์ ที่ผู้หญิงควรรู้
1.หมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเครื่องยนต์ โดยเราควรหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับปกติไหม ด้วยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระดับ F และ L แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ แต่ถ้าปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ต่ำว่าตัว L หรือต่ำกว่าขีดล่าง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน
2. อย่าลืมดูน้ำมันเบรก
นอกจากนี้เราควรหมั่นเช็กน้ำมันเบรกว่าอยู่ในระดับมาตรฐานหรือเปล่า โดยเปิดฝากระโปรงหน้ารถและดูที่กระปุกน้ำมันเบรก ว่าไม่ควรต่ำกว่าระดับ Min และไม่ควรจะสูงเกิน Max หากระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่า Min แสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา หรืออาจมีการรั่วซึมได้ ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
3. หมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำ
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีท หรือเครื่องยนต์เกิดความร้อนจนเกินไป เราจึงควรหมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอด หากพบว่าน้ำมีระดับต่ำก็ควรเติมด้วยน้ำกลั่น หรือผสมน้ำยาหล่อเย็น การเติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อน้ำ ควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น เช่น เกิดความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง จำเป็นต้องใช้น้ำเปล่าช่วยลดความร้อนเครื่องยนต์ในตอนนั้น ไม่ควรใช้น้ำประปาบ่อยๆ เพราะอาจเกิดตะกรันได้
4. เช็กระดับน้ำกลั่น
สำหรับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่แบบน้ำก็อย่าลืมเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ว่าอยู่ในระดับเหมาะสม หรือเติมน้ำกลั่นพอให้ท่วมแผ่นทองแดงพอประมาณ อย่าเติมจนล้นออกจากหม้อแบตเตอรี่ ป้องกันการเจือปนสารอื่นๆ เมื่อเติมน้ำกลั่นเสร็จแล้ว ปิดฝาให้สนิทและเช็ดหม้อแบตเตอรี่ให้แห้ง
5. เช็กสภาพแบตเตอรี่
เพื่อนๆ รู้ไหมว่าเราสามารถตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่ หากมีสีเขียวหรือสีน้ำเงินแสดงว่าไฟเต็ม หากเป็นสีขาวหรือสีใส แสดงว่าไฟอ่อน ควรชาร์จไฟเพิ่ม แต่ถ้าเป็นสีแดงหรือสีส้ม แสดงว่าน้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่น ดังนั้นจึงควรใช้งานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม ไม่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด โดยเราควรมีเครื่องมือวัดโวลต์แบตเตอรี่ และเครื่องมือชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์สำรองไว้ หรือพกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ก็จำเป็น เผื่อต้องขอพ่วงแบตกับรถคันอื่น หรือนำไปใช้ช่วยเหลือรถคันอื่นๆ ก็ได้
6. วัดลมยางสม่ำเสมอ
หลังจากดูพวกของเหลวกันไปแล้ว เรื่องของลมยางและยางรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้รถกินน้ำมัน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย อย่างไรแล้วเราควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยดูค่าแรงดันยางรถยนต์ได้ที่ป้ายข้างประตูคนขับ หากเป็นรถเก๋ง 4 จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งนอกจากจะหมั่นเช็กลมยางแล้วควรเช็กยางรถยนต์ด้วยว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากใช้งานจนดอกยางเริ่มโล้น หรือใช้งานมาแล้ว 3 ปี หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วล่ะ
7. อย่าลืมเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ควรหมั่นเช็กสภาพยางปัดน้ำฝนว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ หากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หรือยางเริ่มแข็ง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อการปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรเติมน้ำในกระบอกปัดน้ำฝนด้วย เผื่อต้องใช้ในการฉีดน้ำล้างกระจกเพื่อความสะอาดใส และทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี
และนี่ก็คือ 7 เทคนิคดูแลรถยนต์ ที่ผู้หญิงควรรู้ ที่มาสินำมาฝากกัน อย่างไรแล้วก็ควรหมั่นดูแลรถยนต์เป็นประจำ รวมถึงมีสติขณะขับรถทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ควรขับขี่กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งนี้หากใครที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อทำประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากมีข้อสงสัย และต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์ สามารถโทร.มาได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันสุขภาพ ประกันไวรัสโคโรนา รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ