กองหุ้นประหยัดภาษี…อ่วม YTD เฉลี่ย -18.54% ถึง -26.51%
หุ้นขึ้นได้…หุ้นก็ลงได้…เพราะนี่คือ หนึ่งในธรรมชาติที่เป็นท่วงทำนองการเคลื่อนไหวของ ‘ตลาดหุ้น’ ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทย
“SSF-เฉพาะกิจ” กับความหวังในการกอบกู้ “ตลาดหุ้นไทย”?
แทนความหวาดวิตก…ตื่นตระหนก เปลี่ยนมาเป็น ‘ความเข้าใจ’!!!
ผลตอบแทน ‘ระยะยาว’ ของการลงทุนในหุ้นนั้น พิสูจน์มาแล้วว่า… ‘ดีกว่า’ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยเปรียบเทียบอยู่จริง ไม่ว่าจะผ่านสารพัด ‘วิกฤติ’ มาแล้วกี่รอบก็ตาม
สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่ต้องการใช้ ‘ประโยชน์ทางภาษี’ ยังไงการลงทุนใน ‘กองทุนประหยัดภาษี’ ก็ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คุณที่สุด
ส่วนจะตอบโจทย์ภาครัฐในการ ‘พยุงหุ้น’ ได้หรือไม่นั้น? เป็นเรื่องรอง!!! วันนี้ทีมงาน ‘Wealthythai’ ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย
“กองหุ้นประหยัดภาษี”…ลุยหุ้น-ผลตอบแทนเป็นไปตาม ‘หุ้นที่ลงทุน’
อย่างที่กล่าวย้ำเสมอๆ ว่า “กองทุนรวม” เป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมือนประตูวิเศษที่จะพาคุณเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง สร้างขึ้นมาเพื่อตอบกลุ่มนักลงทุนรายย่อย (ไม่ย่อยก็ลงทุนได้เช่นกัน)
ทั้งนี้การลงทุนก็จะเป็นไปตาม ‘นโยบายการลงทุน’ ที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนนั่นเอง!!!
“กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)” ต้องลงทุนในหุ้นไทยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ส่วน “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นก็ต้องลงไม่ต่ำกว่า 65% ของ NAV
“โดยปกติแล้ว กองหุ้นประหยัดภาษีก็จะลงทุนในหุ้นเต็มที่ (Fully Invest) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากหุ้นให้เต็มศักยภาพนั่นเอง สมมติลงในหุ้น 95% ของ NAV ถ้าตลาดหุ้นลง -10% กองหุ้นก็จะลง -9.5% ในทิศทางเดียวกัน (นี่มองในภาพรวมเพื่อให้เห็นภาพ) หรือถ้าจะอิงค่าเฉลี่ยตามนโยบายกองหุ้นประหยัดภาษีก็จะลงได้ -6.5% ถึง -8.0% เลยทีเดียว ส่วนข้อเท็จจริงการขึ้นหรือลงของกองหุ้นประหยัดภาษีแต่ละกองก็จะขึ้นกับ ‘ไส้ใน’ คือหุ้นในพอร์ตของกองนั้นๆ เป็นสำคัญ”
ดังนั้น นักลงทุนในหุ้นจะลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’ หรือ ‘โดยตรง’ ก็ไม่ต่างกัน คือ ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น ถ้าหุ้นที่ถือไว้ดิ่งเหว จะเซียนเหยียบเมฆ รายใหญ่ รายย่อย หรือกองทุนรวม ถ้ามีหุ้นดิ่งเหวตัวนั้นไว้ในพอร์ต ก็ไม่รอดเสมอเหมือนกันนั่นเอง
“จุดที่นักลงทุนทั่วไป ได้เปรียบกว่า คือ ล้างพอร์ตหนีตายได้ ในขณะที่ ‘กองทุนหุ้น’ นโยบายลงทุนค้ำคอไว้ว่าต้องลงทุนในหุ้นเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 65% หรือ 80% ตามแต่ประเภทกองทุน การจะล้างพอร์ตไม่ง่ายนะ ลงทุนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ‘ผู้จัดการกองทุน’ ซวยอีก!!!”
ปรารถนาให้ผู้ลงทุน ‘เข้าใจ’ มากกว่าจะไป ‘คาดหวัง’ กับเรื่องของ ‘กองทุนพยุงหุ้น’ หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ ถ้าเข้าใจหลักการ มั่นใจกับการลงทุนระยะยาวในหุ้น รับความเสี่ยงได้ ก็ลงทุนไปได้แบบ ‘สบายใจ’ แบบนั้นสำคัญกว่านะ
ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 12 มี.ค. 20) ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยดำดิ่งทิ้งตัวลงมากกว่า -29.43% (SET TRI) -28.75% นั้น กลุ่ม ‘กอง LTF’ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -26.51% ส่วน ‘กอง RMF-หุ้น’ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -18.54% (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีนโยบายลงทุนหุ้นต่างประเทศและการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกในกลุ่มนี้ด้วย)
โดย ‘กอง LTF’ ที่มีผลงานดีสุด ได้แก่ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป หุ้นระยะยาว (M-MIDSMALL LTF)” ของ ‘บลจ.เอ็มเอฟซี’ ให้ผลตอบแทน -18.52%
ส่วน ‘กอง RMF-หุ้น’ ที่มีผลงานดีสุดได้แก่ “กองทุนเปิดยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (UCHINARMF)” ของ ‘บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)’ ด้วยผลตอบแทน -0.96%
“SSF-เฉพาะกิจ”…ลุยหุ้นไทย-พร้อมแล้วสำหรับทุกบลจ.ที่สนใจ
หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 20 มีมติให้ประชาชนทั่วไปหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุน “กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)” ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยแยกจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน ‘กอง SSF ปกติ’ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด โดยต้องซื้อระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 20 และถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นั้น
ล่าสุดทาง ‘สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)’ ก็ออกมารับลูกเรียบร้อย โดยได้ออกประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการจัดตั้ง ‘กอง SSF’ ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV แล้ว เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 20 พร้อมประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดตั้งและจดทะเบียนกองทุนให้กับบลจ. โดยจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
“สำหรับ บลจ. ที่ประสงค์จะจัดตั้ง ‘กอง SSF’ ดังกล่าว สามารถส่งร่างเอกสารจัดตั้งกองทุนให้ ก.ล.ต. พิจารณาล่วงหน้าได้ และสำหรับกองทุนที่มีลักษณะไม่ซับซ้อนจะพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งแบบอัตโนมัติ (auto-approval)”
‘กอง SSF-เฉพาะกิจ’ เชื่อว่าจะมีบลจ.เจ้าตลาดสนใจตั้งกองออกมา ทั้งตอบโจทย์ภาครัฐพร้อมกับตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม ‘กอง LTF’ เดิมด้วยเช่นกัน เพราะการแยก ‘ประโยชน์ทางภาษี’ ออกมาเป็น ‘อิสระ’ จะดึงดูดเม็ดเงินที่มีศักยภาพในการลงทุนได้ทันที (ส่วนจะเข้ามาเต็มศักยภาพหรือไม่นั้นยังประเมินไม่ได้)
เพราะเงื่อนไขการถือครองยาวขึ้นเป็น 10 ปี แบบวันชนวัน (จากเดิม 7 ปี ปฏิทิน) ประกอบกับวงเงินในการใช้ประโยชน์ลดลงเหลือ 200,000 บาท (จากเดิม 500,000 บาท)
“อ้างอิงข้อมูลจากทาง ‘Morningstar’ ที่ปกติวงเงินลงทุนสุทธิใน ‘กอง LTF’ เฉลี่ยอยู่ประมาณ 30,000 – 40,000 ล้านบาท/ปี (ที่ประโยชน์ทางภาษี 500,000 บาท) ตอนนี้ประโยชน์ทางภาษีหายไปกว่าครึ่ง เหลือประมาณ 40% ให้เปิดขายเต็มปีก็น่าจะมีเม็ดเงินลงทุนสุทธิเข้ามาประมาณ 12,000 – 16,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยจังหวะของตลาดที่ปรับตัวลงมามากแล้ว ก็เป็นไปได้ที่ในช่วง 3 เดือนที่ขายนี้ จะได้เม็ดเงินในระดับนี้เช่นกัน แต่ถามว่า…มากมั้ย? ต้องบอกเลยว่า…ไม่”
นั่นบนสมมติฐานแบบดีแล้วนะ (คนที่มองว่า 10 ปี นายไป อาจสละสิทธิ์) เพราะจังหวะตลาดตอนนี้ในการขายอาจเป็น ‘จังหวะที่ดี’ ด้วย ‘แต้มต่อ’ ทางภาษี ของกลุ่มฐานภาษีระดับ ‘กลาง-บน’ ที่ 20 -35% นั้น คิดระดับดัชนีตั้งต้น 1,000 จุด กลมๆ ให้ตลาดลงไป -200 -350 จุด ก็ยังไม่ขาดทุนเลย (นับตามฐานภาษีนะ) หรือดัชนีลงไปเหลือ 800 – 650 จุด ก็ยังรับไหวเสมอตัว นี่คือความน่าสนใจ!!!
แต่ถ้าถาม…ความคาดหวังในการ ‘พยุงตลาดหุ้น’ นั้น คงไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากสำหรับ ‘กอง SSF-เฉพาะกิจ’ นี้ เพราะเม็ดเงินที่จะเข้ามานั้น ก็เป็นการ ‘ทยอยเข้า’ ที่สำคัญ… ‘ขนาดของเม็ดเงิน’ ก็ไม่ได้มากมายอะไรเมื่อเทียบกับเงิน ‘กอง LTF’ ในอดีตอีกด้วย
หากจะย้อนไปถึง “กองทุนพยุงหุ้น” ในอดีตนั้น จะรู้ชัดเลยว่าจะมีเงินเข้ามาเท่าไร เช่น 1,000 ล้านบาท ที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในหุ้นได้เลย เป็นต้น ซึ่งต่างจากโมเดลของ ‘กอง SSF-เฉพาะกิจ’ ซึ่งไม่อยากให้หวังอะไรกับเรื่องนี้ แม้แต่กับ ‘กองทุนพยุงหุ้น’ ที่ภาครัฐจะมีการประชุมกันในวันจันทร์ที่ 16 มี.ค. 20 นี้ด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าคุณในฐานะผู้ลงทุนเห็นประโยชน์ของการลงทุนในหุ้นระยะยาว มั่นใจในศักยภาพของ ‘ตลาดหุ้นไทย’ ในอนาคตข้างหน้า ในจังหวะที่ตลาดปรับฐานใหญ่ลงมาแบบนี้แล้วมีโอกาสลงทุน ก็ถือเป็นประโยชน์ของตัวคุณเองเป็นสำคัญ แต่ถ้ามองว่า ‘ไม่ใช่’ ดิ่งลึกไม่ฟื้นยาวๆ ไปแน่นอน แบบนั้น ‘หุ้น’ ก็คงไม่เหมาะกับคุณเช่นเดียวกัน!!!
เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล
ส่วนใครที่ต้องการ สินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย หรือ ลงทุนในธุรกิจ แต่ยังไม่มั่นใจว่าสมัครกับที่ไหน สามารถ คลิกที่นี่ หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อส่วนบุคคล โทรติดต่อได้ที่ 02 710 3100 รวมถึงแอด Line @ :@masii มาได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : Wealthythai