สำหรับใครที่ใช้รถยนต์อยู่เป็นประจำ แน่นอนว่า นอกจาก พ.ร.บ.รถยนต์ จะเป็นสิ่งที่จำเป็นแล้ว ภาษีรถยนต์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องทำการต่อภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี หรือที่เรียกกันติดปากว่า ต่อทะเบียนรถยนต์ นั่นเอง เพราะหากรถยนต์คันใดที่ไม่ต่อภาษีรถยนต์ จะมีผลทางกฎหมายและหากไม่ได้ต่อภาษีรถเกิน 3 ปี ยังมีผลให้ทะเบียนรถยนต์ถูกระงับอีกด้วย แต่ก็อาจมีบางคนที่หลงลืมว่าต้องต่อภาษีรถยนต์ นึกได้อีกทีก็ขาดต่อภาษีรถยนต์เสียแล้ว และถ้าเราไม่อยากให้ภาษีรถยนต์ขาด เราจะสามารถยื่นภาษีรถยนต์ ล่วงหน้าได้มั้ย เราไปหาคำตอบกับ masii กันเลยจ้า
ยื่นภาษีรถยนต์ ล่วงหน้าได้กี่เดือน
การต่อภาษีรถยนต์ หรือการต่อทะเบียนรถยนต์นั้น แตกต่างจากการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ โดย พ.ร.บ. รถยนต์ คือการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถ หากรถยนต์ไม่มี พ.ร.บ. รถยนต์ ก็จะไม่สามารถเสียภาษีรถยนต์ได้ ซึ่งป้ายภาษีรถยนต์ จะเป็นแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงกระจกหน้ารถนั่นเอง
โดยเราสามารถทำการ ต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้า ก่อนวันสิ้นอายุได้ไม่เกิน 3 เดือน และสามารถต่อภาษีย้อนหลังได้ (กรณีที่จ่ายล่าช้า) แต่จะโดนค่าปรับ คิดเป็นร้อยละ 1 ต่อเดือน แต่ถ้าขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 3 ปี จะถูกระงับทะเบียนรถยนต์ ต้องติดต่อกับทางกรมขนส่งทางบก เพื่อยื่นเรื่องทำป้ายทะเบียนใหม่
เอกสารที่ใช้ในการต่อภาษีรถยนต์
- สมุดคู่มือจดทะเบียน หรือ สำเนารายการจดทะเบียน
- พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ (วันหมดอายุ ต้องเหลือมากกว่า 90 วัน)
- ใบ ตรอ. หรือ ใบตรวจสภาพรถยนต์ (สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี รวมถึง รถยนต์ที่ติดตั้งแก๊ส)
ภาษีรถยนต์ ราคาเท่าไร
การชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี จะคิดคำนวณตามประเภทรถยนต์ และขนาดของเครื่องยนต์ (ซีซี) โดยมีอัตราดังนี้
รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง, รถกระบะ 4 ประตู)
- 600 ซีซีแรก ซีซีละ 50 สตางค์
- 601 – 1,800 ซีซีละ 1.50 บาท
- 1,800 ซีซีขึ้นไป ซีซีละ 4 บาท
สมมติว่ารถกระบะสี่ประตู เครื่องยนต์ 2,755 ซีซี จะมีวิธีการคำนวณภาษีรถยนต์ ดังนี้
- ช่วง 1-600 ซีซี /ซีซีละ 0.50 บาท = 600×0.5 = 300 บาท
- ช่วง 601-1,800 ซีซี /ซีซีละ 1.50 บาท = (1,800-600) = 1,200×1.5 = 1,800 บาท
- ช่วง 1,801-2755 ซีซี /ซีซีละ 4 บาท = (2,755-1,800) = 955×4 = 3,820 บาท
- นำผลลัพธ์ของแต่ละช่วงซีซีมารวมกัน = 300+1,800+3,820 = 5,920 บาท
ยิ่งอายุรถเพิ่มมากขึ้น ค่าภาษีรถที่ต้องจ่ายในแต่ละปีก็จะถูกลง โดย 5 ปีแรก จะต้องเสียภาษีรถยนต์ในราคาเต็ม แบบไม่มีส่วนลด แต่พออายุรถเข้าปีที่ 6 ถึง ปีที่ 10 ค่าภาษีจะถูกลงเรื่อยๆ และลดลงไปปีละ 10% เมื่ออายุรถเกิน 10 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 50%
รถกระบะ 2 ประตู
สำหรับรถกระบะ 2 ประตู หรือรถบรรทุกส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ที่มีป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีเขียว การคิดภาษีรถยนต์ จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถที่ได้ระบุข้อมูลไว้ในเล่มทะเบียนรถ ดังนี้
| น้ำหนักรถ/กิโลกรัม | อัตราภาษีรถยนต์ |
| 501- 750 | 450 บาท |
| 751 – 1,000 | 600 บาท |
| 1,001 – 1,250 | 750 บาท |
| 1,251 – 1,500 | 900 บาท |
| 1,501 – 1,750 | 1,050 บาท |
| 1,751 – 2,000 | 1,350 บาท |
| 2,001 – 2,500 | 1,650 บาท |
รถตู้
สำหรับค่าภาษีรถยนต์ของรถตู้ หรือ รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ที่มีป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีน้ำเงินนั้น ก็จะมีการคิดคำนวณภาษีรถยนต์ตามน้ำหนักรถ ดังนี้
| น้ำหนักรถ/กิโลกรัม | อัตราภาษีรถยนต์ |
| ไม่เกิน 1,800 | 1,300 บาท |
| เกิน 1,800 | 1,600 บาท |
ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก
จะเห็นว่าการต่อภาษีรถยนต์นั้น ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อย่างไรแล้ว อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุของภาษีรถยนต์ และ พ.ร.บ. รถยนต์ให้ดี โดยสามารถ ยื่นภาษีรถยนต์ ก่อนล่วงหน้าได้ 3 เดือน นอกจากนี้ควรเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ขับขี่อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วย โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากมีข้อสงสัยและต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถามทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันการเดินทาง ประกันภัยร้านกาแฟ รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ
