หลายสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก นั้น ล้วนมีเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความงดงามทางศิลปะ ที่แฝงถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ความมีเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ masii พาทัวร์ ในวันนี้ ตามเรามาพบกับ 20 มรดกโลก โดย UNESCO ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ชาวมาสิบล็อกเคยไปเที่ยวที่ไหนกันมาแล้วบ้าง? แต่ละที่บอกได้เลยว่า ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตเลยทีเดียวนะครับ … ไปดูกันเลย!
รวม มรดกโลก โดย UNESCO ที่สวยที่สุดในโลก
1. นครวัด ประเทศกัมพูชา ( Angkor Wat )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1992
นครวัด ( Angkor Wat ) เป็นศาสนสถานสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ ประเทศกัมพูชา ที่หลายคนทั่วโลกต่างรู้จักเป็นอย่างดี
อีกทั้งนครวัดยังเป็น 1 ใน 10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน อีกด้วย ซึ่งที่นี่อยู่ห่างจากเมืองเสียมราฐเพียง 20 นาทีเท่านั้น นักท่องเที่ยวจะแห่กันไปเพื่อชมสถาปัตยกรรมขอมโบราณนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่มีอากาศดี อุณหภูมิจะอยู่ที่ 25-30 องศาเท่านั้น จะช่วงอื่นจะร้อนมากจนแทบตัวละลายเลยครับ
2. อะโครโพลิส ประเทศกรีซ ( Acropolis )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987
ที่นี่ถือได้ว่า เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของโลกเลยก็ว่าได้ เป็น อารยธรรมโบราณ ซึ่งสถานที่ที่ยังมีสิ่งก่อสร้างซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรือง และความรู้ความสามารถของคนในยุคก่อน ความท้าทายในการเที่ยวชมที่นี่เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนถวิลหา เพราะจะต้องเลาะไปตามทางเดินที่อยู่ตรงแนวเนินเขาที่ทั้งสูง และชัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายโบราณคดี และผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์แล้ว ที่นี่เป็นจุดที่ต้องไปสักครั้งหนึ่งให้ได้
3. พุกาม ประเทศเมียนมา ( Bagan )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 2019
พุกาม ( Bagan ) เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์ เมียนมา ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขต มัณฑะเลย์ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาจนได้ชื่อว่าเป็น เมืองแห่งทะเลเจดีย์ หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์เท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นศาสนสถานที่อลังการอยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ
เจดีย์แห่งแรกของพุกาม คือ เจดีย์ชเวสิกอง ( Shwezigon Pagoda ) สร้างโดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมา นอกจากนี้พุกาม ยังเป็น 1 ใน 100 สถานที่สวยที่สุดในโลก อีกด้วย
4. หมู่เกาะกาลาปาโกส ประเทศเอกวาดอร์ ( Galapagos Islands )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1978
หมู่เกาะกาลาปาโกส ( Galapagos Islands ) เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก หมู่เกาะนี้เกิดจากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟ เมื่อ 7-9 ล้านปีมาแล้ว และยังมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของสัตว์กว่า 9,000 สปีชี่ส์ ซึ่ง 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะนี้ค่อนข้างเข้มงวด นักท่องเที่ยวที่จะไปที่นี่จึงควรต้องมีจิตสำนึกมากๆ ในการเดินทางและท่องเที่ยวด้วยนะคะ เพราะแต่ละสิ่งที่อยู่บนเกาะ ถือว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้วบนโลกเลยทีเดียว
5. อุทยานแห่งชาติเกอเรเม คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี ( Goreme National Park of Cappadocia )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1985
เกอเรเม ( Goreme ) หินทรงประหลาดในบริเวณ คัปปาโดเกีย ( Cappadocia ) ซึ่งตั้งอยู่ใน ประเทศตุรกี เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของ ภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้วค่ะ ด้วยลักษณะที่มีรูพรุนเข้าไปในภูเขาทำให้มีคนโบราณหัวใสย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นบ้านถ้ำมาหลายศตวรรษ และที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตในตุรกีเรื่อยมา
นอกจากการไปเที่ยวชมมรดกโลกแห่งนี้ที่ อุทยานแห่งชาติเกอเรเม คัปปาโดเกีย โดยการเดินชมตามถ้ำต่างๆ ที่น่าอัศจรรย์ใจเหล่านี้แล้ว กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ก็คือ การขึ้นบอลลูนเพื่อไปชมความสวยงามจากบนท้องฟ้า เรียกได้ว่า สวยลืมโลกไปเลยครับ
6. เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ประเทศออสเตรเลีย ( Great Barrier Reef )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1981
เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ( Great Barrier Reef ) เป็น แนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของ ทะเลคอรัล มีสิ่งชีวิตมากมาย ทั้งปะการังชนิดอ่อน และชนิดแข็ง สีสวยกว่า 350 ชนิด ตลอดจนปลา และสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ต่างๆ อีกกว่า 1,500 ชนิด
แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ของนักประดาน้ำนี้ กลายเป็นที่เที่ยวต้องไปก่อนที่จะหายไปจากแผนที่โลกซะแล้ว เพราะภาวะโลกร้อนขึ้นส่งผลทำให้ความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้น และด้วยพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวนั่นเองครับ
7. ฮัมปิ ประเทศอินเดีย ( Hampi )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1986
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อพูดถึงอินเดีย ใครๆ จะต้องนึกถึง ทัชมาฮาล ที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินเดีย แต่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะรู้จัก ฮัมปิ ( Hampi ) เมืองมรดกโลก ที่เคยเป็นอาณาเขตของ อาณาจักรวิจายานะกา หรือ วิชัยนคร และยังเป็นเมืองหลวงสุดท้ายของ อาณาจักรฮินดู อีกด้วย แน่นอนว่าที่นี่เต็มไปด้วยวัด และพระราชวังวังที่สร้างด้วยศิลปะแบบดราวิเดียนที่หาชมได้ยาก และสวยงามมากๆ เลยทีเดียวครับ
8. น้ำตกอีกวาซู ประเทศบราซิล และ อาร์เจนตินา ( Iguazu National Park )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984
อุทยานแห่งชาติอีกวาซู ( Iguazu National Park ) แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่าง ประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งไอไลท์สำคัญก็คือ น้ำตกอีกวาซู ( Iguazu Falls ) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่งด้วยกัน ซึ่ง บริเวณรอบๆ น้ำตกนั้นจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตรเลยทีเดียว
9. อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส ประเทศอาร์เจนตินา ( Los Glaciares National Park )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1937
อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส ( Los Glaciares National Park ) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ เมืองซานตาครูซ ( Santa Cruz ) เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศอาร์เจนตินาครับ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่มักถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งกว่า 30% ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว
กิจกรรมท่องเที่ยวหลักๆ ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวนั้นคือ การปีนเขา และเดินป่าที่ ภูเขาฟิทซ์รอย ( Monte Fitz Roy ) และ ภูเขาเซอโร ตอร์เร ( Cerro Torre ) สายเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ ไปพิชิตยอดเขาที่นี่กันมากมาย
10. มาชูปิกชู ประเทศเปรู ( Machu Picchu )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983
มาชูปิกชู ( Machu Picchu ) หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงถึง 2,350 เมตรใน ประเทศเปรู เมืองนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งแต่ละด้านเป็นผาชันแลดูน่าหวาดเสียว ที่นี่เป็นมรดกโลกที่แสดงให้เห็นถึงอารยะธรรมของชนชาติอินคาที่สาบสูญไปนานแล้ว และไม่มีใครค้นพบจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังจากจักรวรรดินี้ล่มสลายไปแล้วถึง 400 ปี ที่นี่จึงกลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคใหม่
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวในเปรูสามารถเดินทางจาก เมืองคุซโก ( Cusco ) ไปยังนครมาชู ปิกชูโดยทางรถไฟ และรถโดยสารประจำทางเป็นระยะทาง 96 กม.ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ
11. มง แซ็ง มีแชล ประเทศฝรั่งเศส ( Mont Saint Michel )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1979
มง แซ็ง มีแชล ( Mont Saint Michel ) วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณ แคว้นบัส-นอร์ม็องดี ของ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่ตั้งของโบสถ์นับได้ว่าตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดตื่นตาน่าดูที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ครับ เพราะตั้งอยู่บนเกาะหินเล็กๆ กลางทะเล
ตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้น เป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 เมตรเลยทีเดียว ถือเป็นปราการธรรมชาติตั้งแต่สมัยยุคกลางครับ อีกทั้งที่นี่ยังมีตัวโบสถ์ที่สร้างแบบศิลปะแบบโกธิกที่เด่นมาก รอบๆ มีหมู่บ้านติดต่อกันไปตามแนวกำแพง ป้องกันข้าศึกที่จะมาจากทางบก และทางทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยสุดๆ ในฝรั่งเศสเลยทีเดียว
12. นครเปตรา ประเทศจอร์แดน ( Petra )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1985
นครเปตรา ( Petra ) คือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับใน หุบเขาวาดี มูซา ( Wadi Musa ) หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบเดดซี กับ ทะเลอัคบา ใน ประเทศจอร์แดน เป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมด รอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น วิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลักมาแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงาม แสดงถึงฝีมือและศิลปะในการสลักหินได้อย่างยอดเยี่ยม ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมเบื้องต้นของเขตตะวันออกกลาง จึงกลายเป็น 1 ใน 5 สถานที่ท่องเที่ยว อารยธรรมโบราณที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต
นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท ( Johann Ludwig Burckhardt ) เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี ค.ศ.1812 ภายหลังที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งความรู้อย่างดีของนักโบราณคดี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่หนึ่งในโลกครับ
13. มหาพีระมิดแห่งกีซา ประเทศอียิปต์ ( The Great Pyramid of Giza )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979
มหาพีระมิดแห่งกีซา ( The Great Pyramid of Giza ) เป็นพีระมิดใน ประเทศอียิปต์ ที่มีความใหญ่โต และเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดของอียิปต์ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู ( Khufu ) แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว ที่นี่จึงเป็นสัญลักษณ์ของอียิปต์โบราณ ที่ถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ แห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่
หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า ประกอบด้วย พีระมิดของ ฟาโรห์คูฟู ( Khufu ) คาเฟร ( Khafre ) และ เมนคาอูเร ( Menkaure ) ซึ่งพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด พีระมิดทั้งสามสร้างเรียงต่อกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมาสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต
14. เกาะราปานูอี หรือ เกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี ( Rapa Nui / Easter Island )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995
เกาะราปานูอี หรือ เกาะอีสเตอร์ ( Rapa Nui / Easter Island ) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตัวเกาะห่างจากฝั่ง ประเทศชิลี ไปทางทิศตะวันตกกว่า 3,600 กิโลเมตรค่ะ เกาะที่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดอยู่ห่างฝั่งจากถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยว แต่น่าประหลาดใจที่เกาะแห่งนี้กลับมี รูปปั้นโมอาย ( Moai ) ซึ่งเป็นหินสลักรูปศีรษะคน ไหล่ จนถึงลำตัวในลักษณะที่ต่างๆ กันออกไป ซึ่งเฉลี่ยจะมีความสูงที่ประมาณ 3.5 เมตร และหนักถึง 20 ตัน
ส่วนโมอายที่สูงมากที่สุดมีชื่อว่า “ ปาโร ” ซึ่งสูงถึง 10 เมตร และหนักกว่า 86 ตัน ทำให้เกาะนี้มีชื่อเสียงมากในฐานะสถานที่ที่ผู้คนร่ำลือถึงมนุษย์ต่างดาว แน่นอนว่ายังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้อย่างชัดเจนว่า รูปปั้นโมอายพวกนี้มาจากที่ไหน และเป็นอารยธรรมของชนพื้นเมืองกลุ่มใด
15. อุทยานแห่งชาติเซเรนเกติ ประเทศแทนซาเนีย ( Serengeti National Park )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1981
อุทยานแห่งชาติเซเราเกติ ( Serengeti National Park ) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ ประเทศแทนซาเนีย ถือเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่สำคัญมาก เพราะเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยสัตว์สารพัดชนิด
นอกจากนั้นยังเป็นท้องทุ่งแห่งสรรพสัตว์แอฟริกาตะวันออก ที่ราบที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา อาณาเขตอีกปลายด้านหนึ่งมีอาณาเขตจรดติดกับเขต มาไซ มารา ในเคนย่า และในที่ราบเซเรนเกตินี้ มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่กว่า 3 ล้านตัว นับตั้งแต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกว่า 415 ประเภทจากหนูแคระตัวจิ๋วไปจนถึงช้างแอฟริกา ที่เป็นสัตว์บกใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งตะลุยซาฟารีกันทีเดียว
16. สิกิริยา ประเทศศรีลังกา ( Sigiriya )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1982
สิกิริยา ( Sigiriya ) เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่ใน ประเทศศรีลังกา ที่นี่เป็นเลิศในด้านการออกแบบผังเมือง การเดินทางเยี่ยมชมเมืองโบราณแห่งนี้ แนะนำว่าควรมีเวลา เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางแต่ละจุดมากพอสมควร และ ยอดเขาสิกิริยา ก็เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเดินขึ้นบันได 2,200 ขั้น ซึ่งบนยอดเขานี้ในอดีตเป็นพระราชวังเก่าอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีป้อมปราการที่รู้จักกันดีในชื่อ LION ROCK หรือ แท่นศิลาราชสีห์ สร้างขึ้นเนื่องจากอยู่บนที่สูงและสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์และอาณาเขตของเมืองสิกิริยาได้ทั่ว 360 องศา ว่ากันว่ายอดเขาสิกิริยามีการออกแบบเป็นรูปสิงโตหมอบ ปัจจุบันเหลือเพียงเท้าสิงห์ 2 ข้าง และยังมีภาพเขียนสีน้ำของชาวสิงหล เป็นภาพนางอัปสรสวรรค์ที่มีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียวครับ
17. ทูลัม ประเทศเม็กซิโก ( Tulum )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987
ทูลัม ( Tulum ) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแน่นอน ด้วยความงดงามตามธรรมชาติของทะเลและชายหาด อีกทั้งยังตระการตาไปด้วยแหล่งโบราณสถานของ ชาวมายันโบราณ ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาหินหันหน้าสู่ทะเลสีฟ้าครามของทะเลแคริบเบียน
ทูลัมเป็นหนึ่งในเมืองที่ชาวมายันสร้างเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อความอยู่รอดหลังจากที่สเปนเริ่มล่าอาณานิยมในเม็กซิโกเมื่อต้นศตวรรษที่ 16 นั่นเอง ใครที่หลงใหลในเรื่องราวของประวัติศาสตร์ หรือรักทะเลสวยๆ ที่นี่คือสวรรค์บนดินที่ต้องมาเยือนครับ
18. วัลเลตตา ประเทศมอลตา ( Valletta )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1980
วัลเลตตา ( Valletta ) เป็นเมืองหลวงของ ประเทศมอลตา ซึ่งเป็นเมืองที่มีอาคารสถาปัตยกรรมในยุคของศตวรรษที่ 16 ลงมา ซึ่งสร้างในช่วงที่ปกครองโดย อัศวินเซนต์จอห์น แห่งเยรูซาเลม
เมืองนี้มีเอกลักษณ์พื้นฐานแบบสถาปัตยกรรมบาโรก กับองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยา สถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิค และสถาปัตยกรรมสมัยใหม่กลิ่นอายของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมต่างๆ แห่งท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้จะยืนมือออกไปดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายล้านคนทั่วโลกมาเยือน
19. เวนิส ประเทศอิตาลี ( Venice )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987
ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส ( Venice ) ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น “ ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก ” ( The Queen of the Adriatic ) หรือ “ เมืองแห่งสายน้ำ ” ( The City of Water )
ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย และมี เรือกอนโดลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของเวนิส อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรม และดนตรียามค่ำคืน ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก และใฝ่ฝันอยากมาเทียวชมสักครั้งในชีวิต เวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือ และการค้าของทวีปยุโรปนับพันปีครับ
20. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์ สโตน สหรัฐอเมริกา ( Yellowstone National Park )
ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 1978
เยลโลว์ สโตน ( Yellowstone National Park ) เป็น อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกา และ อุทยานแห่งแรกของโลก อีกด้วย ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนที่ราบสูงบนเทือกเขาร็อคกี้ มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ อีกทั้งยังมีบ่อน้ำร้อน และน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง
ดินแดนแห่งนี้มีอายุมากกว่า 600,000 ปี เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทิ้งร่องรอยของหินละลายที่พุ่งผ่านผิวโลกขึ้นมาเย็นตัว เกิดเป็นภูเขาสูง ที่ราบและหุบเหวที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมายเลยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับชาวมาสิบล็อกสายเที่ยวสายเดินทางทุกท่าน เรียกได้ว่าตื่นตาตระการใจในทุกที่ที่ masii ได้นำมาฝากกันเลยถูกต้องไหมครับ ลองเลือกที่เที่ยวที่น่าสนใจเหล่านี้ไปพิจารณาดูนะครับ มีแต่ที่เที่ยวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย แล้วเก็บภาพสวย ๆ มาฝากกันบ้างนะครับ ที่สำคัญเลย สิ่งดีๆ ที่ masii อยากจะแนะนำเลยเพื่อการเตรียมตัวและความราบรื่นของทริปในฝันของคุณ ซึ่งก็คือ …
ประกันการเดินทาง ที่คุ้มครองโควิด จาก แอกซ่า ( AXA )
แอกซ่า ( AXA ) ห่วงใยให้คุณเดินทางอุ่นใจกับความคุ้มครองจาก ประกันการเดินทาง ที่ครอบคลุมไวรัสโคโรนา (COVID-19) เมื่อทำประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ
- สามารถขอเลื่อนวันคุ้มครองหากได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาจนไม่สามารถเดินทางได้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ แม้เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทุกประเทศ ทุกแผนความคุ้มครอง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องจากการรักษาตัวที่ต่างประเทศ โดยเข้ารับการรักษาภายใน 12 ชม. หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย
- พร้อมบริการช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายทางการแพทย์เพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ทั่วโลก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ประกันการเดินทาง ต่างประเทศ ที่ให้ความคุ้มครองในเรื่องการติดเชื้อ COVID-19 ของ แอกซ่า ( AXA )
Q : กรณีผู้เอาประกันภัยเดินทางไปต่างประเทศแล้วเกิดเจ็บป่วยและแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็น COVID-19 กรมธรรม์ ประกันการเดินทาง คุ้มครองหรือไม่?
A : หมวดค่ารักษาพยาบาล กรมธรรม์จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์ บริษัทจะคุ้มครองค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ทั้งนี้ไม่เกินวงเงินผลประโยชน์ที่ทำไว้กับบริษัท
Q : กรณีผู้เอาประกันภัยเดินทางไปต่างประเทศ และวินิจฉัยว่าเป็น COVID-19 และต้องนำตัวส่งสถานพยาบาลโดยรถพยาบาล ประกันการเดินทาง จะคุ้มครองค่ารถพยาบาลหรือไม่?
A : หากต้องมีการนำตัวส่งสถานพยาบาลโดยรถพยาบาล กรมธรรม์จะคุ้มครองภายใต้หมวดค่ารักษาพยาบาล
Q : กรณีผู้เอาประกันภัยถูกกักตัวไว้ไม่ให้เข้าประเทศปลายทางกรมธรรม์ ประกันการเดินทาง คุ้มครองหรือไม่?
A : ในระหว่างถูกกักตัวหากผู้เอาประกันภัยได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยและกรมธรรม์ยังมีผลบังคับอยู่ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองภายใต้หมวดค่ารักษาพยาบาล
……………………………………………………………………….
มาสิ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประกันการเดินทาง ที่คุ้มครองโควิด จาก แอกซ่า ( AXA ) จะสามารถตอบโจทย์ผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความคุ้มครองความเสี่ยงการเดินทางเป็นระยะเวลาสั้นๆ ตามจำนวนวันที่เดินทางครับ ซึ่งใครที่ต้องการสมัคร ประกันเดินทาง สามารถ คลิกที่นี่ หรือโทรเข้ามาสอบถามได้ที่ 02 710 3100 รวมถึงแอด LINE @masii เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้รู้ได้เลยครับ
สนใจสมัคร ประกันการเดินทาง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ทุกๆ คน สามารถติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ ประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ รวมถึง สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด และ บัตรเครดิต จากสถาบันการเงินและบริษัทประกันชั้นนำ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวประกันการเดินทาง
- Test & Go ปรับมาตรการใหม่ เริ่มใช้ 1 มีนาคมนี้ เที่ยวต่างประเทศไม่ต้องกักตัว แต่อย่าลืมทำประกันการเดินทางและประกันโควิดด้วยนะ
- มาท่องเที่ยวในประเทศกันดีกว่า แต่อย่าลืมทำประกันการเดินทางไว้ด้วยนะ
- เที่ยวไทย มีประกันการเดินทางติดตัวไว้ อุ่นใจทั้งทริป
- เลือกประกันการเดินทางอย่างไรให้คุ้มเงิน
_____________________________________________
Please become Masii Fan
Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์
#ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน
#เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก
#เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#SimplifiedComparison