ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถจักรยานยนต์ มีผู้ใช้งานบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความคล่องตัวสูง สามารถขับซอกแซกฝ่ารถติดไปได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์ก็มีมากเช่นกัน ดังนั้นผู้ขับขี่จึงควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากๆ และควรทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ไว้ ก็จะช่วยคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ แต่ประกันมอเตอร์ไซค์นั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท หลายบริษัท วันนี้ masii จึงได้นำเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกประกันมอเตอร์ไซค์มาฝากกัน ไปดูกันเลยดีกว่าว่าถ้าหากจะเปรียบเทียบประกันรถมอเตอร์ไซค์ ต้องดูอะไรบ้าง
เปรียบเทียบประกันรถมอเตอร์ไซค์ ต้องดูอะไรบ้าง
1. สำรวจพฤติกรรมการใช้รถมอเตอร์ไซค์
ก่อนที่จะเลือกซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ เราก็ต้องรู้ตัวเองก่อนว่า เราใช้งานรถมอเตอร์ไซค์มากน้อยขนาดไหน หากส่วนใหญ่คุณขี่มอเตอร์ไซค์แต่ในเมือง ต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ติดขัด รถหนาแน่นเป็นประจำ แนะนำว่าให้ทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ ที่คุ้มครองทั้งผู้ขับขี่และคู่กรณี เช่นเดียวกับคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ทางไกล หรือออกต่างจังหวัดบ่อยๆ แต่ถ้านานๆ ได้ขี่มอเตอร์ไซค์สักครั้งนึงละก็ เลือกเป็นประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3 ที่คุ้มครองคู่กรณีจะดีกว่า แต่หากคุณเป็นมือใหม่หัดซิ่ง หรือเพิ่งซื้อรถใหม่ แนะนำว่าทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ไปเลยค่ะ เพราะคุ้มครองได้ครอบคุลม ไม่ว่ารถหาย ไฟไหม้ หรือเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีก็ตาม
2. ประเภทรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
เมื่อรู้แล้วว่าการใช้งานมอเตอร์ไซค์ของเราเหมาะกับประกันประเภทใด คราวนี้ก็มาดูประเภทรถมอเตอร์ไซค์ที่ตัวเองใช้บ้าง หากคุณใช้รถมอเตอร์ไซค์ขนาดปกติที่มีเครื่องยนต์น้อยกว่า 500 ซีซี หรือรถสกู๊ตเตอร์ จะเหมาะกับประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+, ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3+ และ ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3 เพราะราคาไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า แต่ถ้าคุณใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์มากกว่า 500 ซีซี หรือรถบิ๊กไบค์ แนะนำให้ทำประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ไปเลย เพราะคุ้มครองทั้งกรณีรถหาย ไฟไหม้ รถล้มเอง รถชนไม่มีคู่กรณี เพราะรถบิ๊กไบค์มีราคาแพง หากเกิดอุบัติเหตุก็ย่อมมีค่าเสียหายที่แพงตามไปด้วย ดังนั้น ทำประกันชั้น 1 จะคุ้มครองมากที่สุด
3. ความคุ้มครองของประกันมอเตอร์ไซค์แต่ละประเภท
พอรู้แล้วว่าเราควรเลือกประกันรถมอเตอร์ไซค์แบบใด ต่อไปก็มาเปรียบเทียบความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันภัยว่าให้ความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน ให้ทุนประกันภัยหรือวงเงินคุ้มครองเท่าไร หรืออาจเปรียบเทียบดูความคุ้มครองของประกันมอเตอร์ไซค์แต่ละประเภทก็ได้ เช่น ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1, ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+, ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3+ และ ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3 แล้วตัดสินใจดูรายละเอียดความคุ้มครองของประกันนั้นๆ ว่าเหมาะกับเราไหม
4. ค่าเบี้ยประกันมอเตอร์ไซค์
ค่าเบี้ยประกันมอเตอร์ไซค์จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยหรือวงเงินความคุ้มครองค่าเสียหายต่างๆ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ยิ่งคุ้มครองมากก็ยิ่งมีค่าเบี้ยสูง ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ดังนั้นผู้ซื้อก็ควรเลือกประกันมอเตอร์ไซค์ที่เราจ่ายไหว ไม่เลือกเบี้ยประกันที่สูงจนเกินไป โดยตัดสินใจจากลักษณะการใช้งาน ประเภทรถ และความคุ้มครองของประกันมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด
5. เงื่อนไขของแต่ละบริษัท
สำหรับข้อนี้ แต่ละบริษัทประกันก็จะมีเงื่อนไขหรือข้อเสนอพิเศษที่แตกต่างกันไป โดยให้ลองนำมาเปรียบเทียบกันว่าอันไหนมากหรือน้อยกว่ากันเท่าใด เช่น ค่าเสียหายส่วนแรก ของบริษัทนี้เราต้องจ่ายไหม จ่ายเท่าไร หรือวงเงินคุ้มครองที่จะได้รับหากเกิดอุบัติเหตุเป็นเท่าไร ที่ไหนให้มากกว่า มีความคุ้มครองครอบคลุมหรือไม่ เช่น ค่าซ่อม ค่าชดเชย ค่ารักษาพยาบาล ความคุ้มครองในการต่อสู้คดี เป็นต้น
สนใจสมัครประกันมอเตอร์ไซค์
เมื่อเพื่อนๆ ได้ทราบกันแล้วว่าควรเลือกซื้อประกันมอเตอร์ไซค์อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง ก็ควรเปรียบเทียบทั้งข้อดี ข้อเสีย นำมาตัดสินใจให้ดีว่าประกันมอเตอร์ไซค์ที่เราจะซื้อนั้น คุ้มค่ากับเราจริงๆ หรือเปล่า ซึ่งหากใครต้องการซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ก็สามารถติดต่อกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3+ ประกันบิ๊กไบค์ หรือประกันรถยนต์ได้เลยจ้า