สำหรับใครที่มีรถยนต์ นอกจาก พ.ร.บ. รถยนต์ จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคันแล้ว ประกันภัยรถยนต์ ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กัน เพราะเป็นนสิ่งที่ช่วยคุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ เช่น รถหาย รถถูกน้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนี้ประกันรถยนต์ก็มีหลายประเภท ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ ซึ่งเวลาที่เราจะซื้อประกันรถยนต์นั้น ก็ควรต้องดูหลายอย่างก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันรถยนต์ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ตาม masii ไปดูกันเลยจ้า
เช็คสักนิดก่อนคิดจะซื้อประกันภัยรถยนต์
อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันรถยนต์นั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองตัวเราและครอบครัว ไปจนถึงทรัพย์สินของเราในกรณีที่เราเกิดอุบัติเหตุขึ้น อีกทั้งยังคุ้มครองความเสียหายของคู่กรณีให้เราอีกด้วย ทำให้เรารู้สึกเบาใจไปได้มาก เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วมีประกันภัยรถยนต์ช่วยจ่ายค่าเสียหายให้ โดยไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง ซึ่งก่อนจะซื้อประกันรถยนต์ ก็ควรดูว่าประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท ให้ความคุ้มครองเรื่องใดบ้าง และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่
ประกันรถยนต์จะคุ้มครองความเสียหายให้เราแค่ไหน ?
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทางบริษัทประกันจะจ่ายให้เราหรือคู่กรณีด้วยวงเงินที่ไม่เกินตามที่ระบุในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่เราทำ ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครองจะแยกย่อยต่างกันออกไป แต่ประกันภัยรถยนต์หลักๆ ที่ขายกันอยู่จะมี 5 ประเภทดังนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ให้ความคุ้มครองดูแลทุกความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อตัวรถยนต์ในทุกกรณี ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด จะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ (ชนอะไรก็คุ้มครอง) ทั้งยังดูแลในกรณีที่รถยนต์สูญหาย รถยนต์ถูกน้ำท่วม หรือรถยนต์ถูกไฟไหม้ ค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ รวมไปถึงคุ้มครองความเสียหายต่ออุปกรณ์อื่นๆ ของรถยนต์ เช่น ยางรถยนต์ กระจกรถยนต์ เป็นต้น
ประกันรถยนต์ ชั้น 2+
ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 คือ คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองคู่กรณีรวมถึงทรัพย์สิน ร่างกายและอนามัย ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม แต่จะคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุมีคู่กรณี หรือเกิดอุบัติเหตุรถชนกับรถเท่านั้น
ประกันรถยนต์ชั้น 3+
ให้คุ้มครองเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ยกเว้นความคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม นอกนั้นก็จะคุ้มครองในส่วนของความเสียหายต่อตัวรถ เฉพาะกรณีรถชนกับรถเท่านั้น และให้ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอกหรือคู่กรณีทั้งร่างกายและทรัพย์สิน ไปจนถึงคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันตัวผู้ขับขี่
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ควรดูอะไรบ้าง?
ข้อแนะนำในการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์มีด้วยกัน 3 จุดใหญ่ๆ ที่เราต้องไม่ลืมดูก็คือ
ทุนประกันภัย
ทุนประกันภัยคือ ค่าสินไหมหรือเงินชดเชยที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายให้กับผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ทรัพย์สินชิ้นนั้นได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง หรือเกิน 70% โดยปกติทุนประกันจะอยู่ที่ 80% ของรถยนต์คันที่เอาประกัน
ราคาเบี้ยประกัน
เบี้ยประกันรถยนต์ คือ สิ่งที่เราต้องจ่ายให้บริษัทประกันภัย ซึ่งราคาเบี้ยประกันจะแตกต่างกันไปตามความคุ้มครองและทุนประกันของในแต่ละกรมธรรม์ รวมถึงรถยนต์คันที่ทำประกันด้วยว่าเป็นรถรุ่นไหน อายุกี่ปี และอายุของผู้ขับขี่ก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ด้วย
ความคุ้มครองในกรมธรรม์
เป็นความจริงที่ในหนึ่งกรมธรรม์จะไม่สามารถให้ความคุ้มครองในสิ่งที่เราต้องการได้ครบ เพราะย่อมมีข้อยกเว้นหรือกฎต่างๆ เสมอ ซึ่งเรียกว่า ข้อจำกัดความคุ้มครอง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เราจะลืมเปรียบเทียบไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละกรมธรรม์ย่อมมีข้อยกเว้นและให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน
สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์
หากใครสนใจอยากสมัครประกันรถยนต์ หรือเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ก็สามารถ คลิกที่นี่ หรือโทรศัพท์หามาสิที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ได้เลยจ้า
