ปัจจุบันนี้การจะซื้อรถใหม่สักคัน แน่นอนว่าใครหลายคนคงต้องพึ่ง การจัดไฟแนนซ์ หรือการกู้สินเชื่อซื้อรถ ที่ช่วยให้การซื้อรถเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยจะมีการวางเงินดาวน์และผ่อนค่ารถเป็นงวดๆ ไปจนกว่าจะครบสัญญา แล้วถ้าในกรณีที่ รถหายแต่ติดไฟแนนซ์อยู่ ยังต้องผ่อนอยู่ไหม เราไปหาคำตอบพร้อมกับ masii กันเลยค่ะ
รถหายแต่ติดไฟแนนซ์อยู่ ต้องผ่อนต่อไหม
สำหรับกรณีรถหาย สามารถแยกได้เป็น 2 กรณี คือ รถหายแต่ทำประกันรถยนต์คุ้มครองเอาไว้ กับ รถหายแต่ไม่ได้ทำประกันรถยนต์ ซึ่งก็จะมีลักษณะความคุ้มครองต่างกันไป ดังนี้
รถหายแต่ทำประกันรถยนต์ไว้
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายการเช่าซื้อรถยนต์กันก่อน ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 กล่าวว่า “ผู้เช่าจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เช่า เพราะความผิดของผู้เช่าเอง หรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่า หรือของผู้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์สินนั้นโดยชอบ” กล่าวได้ว่า เมื่อทรัพย์สินเกิดการสูญหายโดยไม่ใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ สัญญาซื้อขายจะถูกระงับลงทันทีเท่ากับว่าการผ่อนค่างวดที่เหลือก็ต้องระงับไปด้วย
ซึ่งในกรณีที่เจ้าของรถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะได้รับความคุ้มครองในกรณีรถหายตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยสิ่งที่ต้องทำหลังจากรถหาย ก็คือแจ้งความกับตำรวจ แล้วนำสำเนาการแจ้งความไปให้บริษัทประกันภัยและไฟแนนซ์ ซึ่งทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระค่าเสียหายให้กับเจ้าของกรรมสิทธิ์รถ หรือ บริษัทที่คุณทำไฟแนนซ์รถยนต์นั่นเอง
โดยทางบริษัทประกันจะคำนวณว่าเจ้าของรถได้ผ่อนจ่ายค่างวดรถมาแล้วเท่าใด และบริษัทประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทไฟแนนซ์เนื่องจากรถหายเป็นเงินเท่าใด หากเงินสองส่วนนี้รวมแล้วเกินกว่าค่ารถที่บริษัทไฟแนนซ์ซื้อมา ผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้องวดที่เหลือ ซึ่งทางบริษัทประกันจะจ่ายค่าเสียหายตามทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยทุนประกันภัยจะไม่เกิน 80% ของราคารถ ณ ปัจจุบัน เนื่องจากค่าเสื่อมรถยนต์นั้นเอง
แต่ถ้ารถหายโดยความประมาทเลินเล่อของเจ้าของรถ หรือผู้เอาประกันเอง เช่น สตาร์ทรถทิ้งไว้ ไม่ได้ล็อคประตูรถ ถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่อ ประกันจะไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ เจ้าของรถจะต้องชำระค่ารถที่ยังค้างอยู่เองเต็มจำนวนทั้งหมด หรือถ้าบริษัทประกันตรวจสอบแล้วว่าเจ้าของรถแจ้งหายโดยเจตนา เช่น ตั้งใจนำรถไปขายต่อหรือนำไปจำนำ และแจ้งว่ารถหาย ก็จะถูกดำเนินคดีในขั้นต่อไป
รถหายแต่ไม่ได้ทำประกันรถยนต์ไว้
แต่ถ้ากรณีที่เจ้าของรถไม่ได้ทำประกันรถยนต์ไว้แล้วรถหาย ถูกขโมย เจ้าของรถก็ต้องหยุดการผ่อนชำระค่างวดเช่นกัน เนื่องจากสัญญาการเช่าซื้อได้ถูกระงับไปแล้วตั้งแต่รถหาย แต่ต้องแจ้งบริษัทไฟแนนซ์ให้ยื่นเรื่องต่อศาล โดยค่างวดที่ยังคงค้างอยู่ ทางบริษัทไฟแนนซ์จะเป็นผู้เรียกร้องค่างวดที่ยังเหลืออยู่กับทางศาล ซึ่งผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายให้ไฟแนนซ์เท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงและดุลยพินิจของศาล โดยศาลจะคำนวณว่ารถยนต์ที่หายปัจจุบันมีราคาตามท้องตลาดเท่าไร ถ้าขายเป็นรถมือสองจะได้เท่าไร ผู้เช่าซื้อได้ผ่อนมาแล้วเท่าไร และไฟแนนซ์ควรได้รับเงินคืนเท่าไร ซึ่งทางศาลจะมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยตกลงว่าเจ้าของรถคันที่หายไปจะต้องจ่ายเงินเท่าไร หรืออาจไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้
รถถูกขโมย ควรทำอย่างไร
เมื่อรู้ตัวว่ารถหาย อันดับแรกควรตั้งสติให้ดี และไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังจากนั้นให้นำใบแจ้งความไปมอบกับบริษัทประกันภัยและบริษัทไฟแนนซ์ที่ทำสัญญาไว้ ซึ่งจะมีขั้นตอนการดำเนินการประมาณ 45 วันนับตั้งแต่วันที่แจ้งบริษัทประกันภัย โดยหลังจากรถหายควรหยุดจ่ายค่างวดรถยนต์ทันที ตามที่กฎหมายเช่าซื้อได้ระบุไว้ หากรถยนต์ที่เช่าซื้อมาสูญหาย สัญญาเช่าซื้อจะถูกระงับลงทันที ผู้ซื้อจึงไม่ต้องผ่อนต่อนั่นเอง
รถหาย เป็นเรื่องไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกันทั้งนั้น อย่างไรแล้วก่อนลงจากรถก็ควรล็อกประตูรถให้แน่นหนา ติดสัญญาณกันขโมย พร้อมกับตรวจดูสถานที่จอดรถว่ามีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน เสี่ยงต่อการถูกขโมยหรือไม่ แต่หากจะให้อุ่นใจจริงๆ มาสิแนะนำว่าควรทำประกันรถยนต์ไว้จะดีที่สุด เพราะหากเกิดเหตุรถหายขึ้นมาจริงๆ ก็ยังคงได้รับเงินคุ้มครองจากบริษัทประกันนั่นเอง โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อสมัครประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากใครมีข้อสงสัยและต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์มาสอบถามทีมงานมาสิได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันบิ๊กไบค์ ประกันภัยโดรน ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ