การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถยนต์ของเราถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะในทุกวันที่เราขับรถไปข้างนอก ถึงแม้ว่าจะมีความระมัดระวังมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าทุกการเดินทางของเรานั้นจะมีความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำให้เรามั่นใจว่าเมื่อเราขับรถจะได้รับความคุ้มครองความปลอดภัยอย่างดีที่สุด นั่นก็คือ การทำประกันรถยนต์ นั่นเอง แต่ว่าจะเลือกประกันรถยนต์ประเภทไหนให้เหมาะกับเราดีนั้น ตาม masii ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+ เลือกแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด
การทำประกันรถยนต์มีทั้งแบบ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ พ.ร.บ. รถยนต์ ที่ช่วยให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จนได้ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย แต่หากใครอยากได้ความคุ้มครองเพิ่มเติมต่อตัวรถยนต์ และทรัพย์สิน จะเรียกว่าเป็นการทำประกันรถยนต์ในภาคสมัครใจ ซึ่งจะให้การคุ้มครองทั้งตัวรถ ทรัพย์สิน บุคคลผู้เอาประกัน และคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มี 3 ประเภท คือ
ประกันรถยนต์ชั้น 1 (ค่าเบี้ยประกันสูงที่สุด)
สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะมีราคาสูงกว่าประกันรถยนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งเบี้ยประกันแพงสุดก็มั่นใจได้เลยว่าการประกันภัยรูปแบบนี้จะครอบคลุมความเสียหายมากที่สุด ทั้งตัวบุคคล และทรัพย์สิน โดยไม่คำนึงว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก หรือแม้แต่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีก็ตาม เช่น รถชนกำแพง ชนเสาไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองทั้งในเรื่องไฟไหม้รถ รถหาย น้ำท่วม รถชำรุดหรือเหตุอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อรถใหม่ รถป้ายแดงหรือใช้รถยนต์ที่ไม่เกิน 7 ปี มักจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าให้ความคุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุดนั่นเอง
ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 1
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายของผู้เอาประกัน
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้เอาประกัน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- คุ้มครองกรณีรถหาย หรือไฟไหม้รถ
- เงินค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ (ค่าเบี้ยประกันปานกลาง)
ถัดมาที่ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่แม้ว่าจะมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบแรก แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่มีความครอบคลุมไม่แพ้กับประกันรถยนต์ชั้น 1 เลยทีเดียว เพราะส่วนที่ต่างกันจะมีแค่การคุ้มครองคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกเท่านั้น หากเป็นการเฉี่ยวชนในรูปแบบอื่นจะไม่นับรวม และส่วนมากจะใช้สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 2+
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน (เมื่อเกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น)
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คู่กรณีและบุคคลภายนอก
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ
- เงินค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ (เบี้ยประกันถูกกว่า 2 แบบแรก)
ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ เลย ต่างกันที่ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะไม่คุ้มครองกรณีรถหาย หรือไฟไหม้รถ นั่นเอง ทำให้ประกันประเภทนี้มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่า 2 ประเภทแรก
ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 3+
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน (เมื่อเกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น)
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คู่กรณีและบุคคลภายนอก
- เงินค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
สนใจสมัครประกันรถยนต์
แต่หากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำ ประกันรถยนต์ แบบไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรมาพูดคุยสอบถามทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์จากมาสิได้เลยค่ะ
