ต้องบอกเลยว่า อุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดอยากให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ masii ได้นำวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดรถชนบนท้องถนนมาฝากกันไปแล้ว วันนี้เราก็ได้นำวิธีช่วยเหลือตนเองเมื่อรถตกน้ำมาให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน หากเกิดอุบัติเหตุขับรถตกน้ำ หรือถูกชนจนรถจมน้ำขึ้นมา เราจะมีวิธีเอาตัวเมื่อรถตกน้ำอย่างไรบ้าง ตามมาสิไปดูกันเลยค่ะ
วิธีเอาตัวรอดเมื่อรถตกน้ำ
เมื่อรถตกน้ำ ไม่ว่าจะตกลงคลอง หรือจมน้ำ รถจะยังไม่จมลงทันที แต่จะค่อยๆ จมลง โดยคุณจะมีเวลาประมาณ 1-2 นาทีก่อนที่รถจะจมมิดน้ำทั้งคันจนไม่มีอากาศเหลือในรถ ซึ่งถือว่ามีเวลาน้อยมากในการเอาชีวิตรอด เมื่อเกิดเหตุการณ์รถตกน้ำ เราควรปฏิบัติตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้
1. ตั้งสติให้ดี
เมื่อรถตกลงไปในน้ำ รถจะยังไม่จมลงในทันที แต่จะค่อยๆ จมลงอย่างช้าๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาวิกฤต ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นควรตั้งสติให้ดี อย่ามัวแต่ตื่นตกใจ พร้อมกับพยายามยกศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
2. ปลดเข็มขัดนิรภัยออก
จากนั้นให้รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกทันที หากมีเด็กนั่งมาในรถด้วย ให้ปลดเข็มขัดนิรภัยของเด็กออกก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น พยายามตั้งสติให้มากๆ และหายใจปกติ แต่เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงกว่าหน้าอกแล้วให้สูดหายใจลึกๆ กลั้นหายใจแล้วหาทางออกจากรถต่อไป
3. ปลดล็อกประตูทุกบาน
ควรปลดล็อกประตูรถทุกบาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกจากรถ แม้ว่าช่วงแรกที่รถตกน้ำ แรงดันน้ำจากด้านนอกจะทำให้เปิดประตูรถไม่ได้ก็ตามแต่เมื่อเปิดหน้าต่างหรือรอจนน้ำเข้ามาเกือบมิดหลังคารถแล้ว จึงสามารถเปิดประตูรถได้ แต่ว่าค่อนข้างลำบากกว่าการหนีออกทางหน้าต่างรถ
4. รีบเปิดกระจกรถให้เร็วที่สุด
หรือมีวิธีง่ายกว่านั้น ก็คือควรรีบเปิดกระจกรถให้เร็วที่สุดก่อนที่รถจะจมน้ำ หากเป็นกระจกรถยนต์แบบหมุน ก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นกระจกรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เมื่อรถจมน้ำ ระบบไฟฟ้าของรถจะยังทำงานได้อยู่ประมาณ 5 นาที กระจกไฟฟ้าจึงยังสามารถทำงานได้อยู่ แต่ถ้าไม่สามารถเปิดกระจกได้แล้ว ให้หาอะไรทุบกระจกด้านข้างให้แตก หรือยกพนักพิงออก แล้วใช้แท่งเหล็กมากระแทกที่ร่องกระจกด้านข้าง ตอกเข้าไปประมาณ 1 นิ้ว แล้วออกแรงงัดเข้าหาตัว กระจกจะแตกออกทั้งบาน
5. พยายามเปิดประตูรถออก เมื่อความดันในรถเท่ากันแล้ว
เมื่อรถจมน้ำ ประตูจะไม่สามารถเปิดได้ในทันที เพราะแรงดันทั้งภายในและภายนอกยังไม่เท่ากัน ต้องรอให้น้ำไหลเข้ามาในรถครึ่งคันหรือจนเกือบมิดหลังคา จะทำให้ประตูรถเปิดออกได้ง่ายกว่าตอนแรก เมื่อเปิดประตูรถออกมาได้แล้ว ให้รีบพุ่งตัวออกจากรถทันที แต่การหนีทางประตูรถยนต์จะค่อนข้างยากกว่าการออกทางหน้าต่างรถ นอกจากนี้หากประตูรถเปิดแล้ว อาจทำให้น้ำไหลเข้ามาและทำให้รถจมเร็วขึ้น
6. พกอุปกรณ์ที่ทำให้กระจกรถแตก
เหตุการณ์รถตกน้ำ อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ อย่างไรแล้ว ควรมีสติให้มากๆ ถ้าจะให้ดีควรพกอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ช่วยทำให้กระจกรถแตกออกได้ง่าย เช่น ค้อนนิรภัย เป็นต้น โดยควรเลือกทุบกระจกด้านข้าง มากกว่ากระจกหน้าหรือกระจกหลังที่เป็นกระจกนิรภัยซึ่งแตกยากกว่ากระจกข้าง
7. ว่ายน้ำออกจากตัวรถให้เร็วที่สุด
เมื่อหาทางออกจากตัวรถที่กำลังจมน้ำได้แล้ว ให้รีบว่ายน้ำออกห่างจากตัวรถให้มากที่สุด แต่หากไม่รู้ว่าอยู่ทิศใดในกระแสน้ำ ให้ปล่อยตัวตามธรรมชาติให้ตัวลอยขึ้นมาเอง หรืออาจดูจากฟองอากาศว่าลอยตัวไปทางทิศไหน แล้วว่ายน้ำตามไปทางนั้น
เหตุการณ์รถตกน้ำคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน แต่หากเกิดขึ้นแล้วขอให้มีสติมากๆ ไม่ตื่นตระหนกตกใจ แล้วค่อยๆ ทำตามคำแนะนำดังกล่าว อย่างไรแล้วมาสิแนะนำว่าควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยก็จะดีมากๆ เพราะช่วยคุ้มครองตัวรถยนต์ รวมถึงผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมานั่นเอง
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หากใครสนใจอยากทำประกันรถยนต์ ก็สามารถติดต่อกับทางมาสิได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ ได้เลยค่ะ